วันพุธที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2554

หญิงไทยเข้าบาห์เรนไม่ได้

          ภาพที่เห็นไม่ใช่ภาพการประท้วงของเสื้อแดงที่เมืองไทยหรอกนะ นี่เป็นภาพการประท้วงเรียกร้องสิทธิเสรีภาพของชาวบาห์เรนในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2554 การประท้วงลุกลามจนรัฐบาลต้องออกมาปราบปรามอย่างเด็ดขาด      มีกองทัพทหารอันเกรียงไกรจากประเทศซาอุดิอารเบียยกทัพมาช่วย  มีการประกาศกฏอัยการศึก สั่งให้ชาวต่างประเทศออกนอกประเทศ ประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องให้อยู่ในเคหสถานในยามวิกาล ประชาชนก็ต่อสู้จนสูญเสียชีวิตไปหลายราย ในช่วงความวุ่นวายนี้ คนไทยที่เคยทำมาหากิน ที่บาห์เรนต้องกลับบ้านที่เมืองไทย ศูนย์ปฏิบัติธรรมบาห์เรนต้องปิดชั่วคราวเพื่อความปลอดภัย เพราะจุดปะทะรัฐบาลกับประชาชนอยู่ไม่ไกลจากที่ตั้งของศูนย์นัก
                       พระอาจารย์ปุญวีร์เจ้าอาวาสศูนย์บาห์เรนต้องลี้ภัยสงครามกลางเมืองมาอยู่ที่โอมาน จึงเป็นโอกาสดีที่ญาติโยมในโอมานได้ฟังธรรมจากท่าน ด้วยความที่ท่านเป็นพระที่มีจริยวัตรงดงามรูปก็งาม  ปฏิบัติ ปฏิเวทและเทศนาก็น่าดูน่าฟัง เจ้าภาพที่ได้กราบ ได้ฟังธรรมก็ประทับใจ ต้องตอบคำถามอยู่เรื่อยว่าท่านจะกลับมาบาห์เรนอีกเมื่อไหร่
                        จากความไม่สงบในบาห์เรนส่งผลให้การเดินทางไปบาห์เรนไม่สะดวกเช่นที่เคย โดยเฉพาะผู้หญิงไทยที่โดนเพ่ิงเล็งว่ามาประกอบอาชีพไม่ถูกกฏหมายนั้น เขาไม่อนุญาตให้เข้าเลยแม้จะอ้างว่ามีหนังสือเชิญ หรือไปเยี่ยมครอบครัว เขาบอกว่าให้พ้นช่วงวิกฤตินี้ก่อนค่อยมาเยี่ยมเยียนกัน คุณติ๊กเธอจะไปบาห์เรนก็ไม่สามารถผ่าน ตม.เข้าไปได้ ต้องนอนที่สนามบินทั้งคืนเพื่อรอเครื่องบินกลับ โชคดีที่วีซ่าเข้าดูไบออกทันเวลา คุณติ๊กจึงเข้าเมืองดูไบ ไม่ต้องมาที่โอมานอีก เราก็ไม่สามารถเดินทางไปบาห์เรนเช่นกัน แม้พระอาจารย์จะซื้อตั๋วให้ มีหนังสือเชิญ ก็ไม่สามารถเข้าเมืองได้ ที่สำคัญ ลูกเขยที่เป็นกัปตันโอมานแอร์ห้ามโดยเด็ดขาดไม่ให้ไปบาห์เรนในขณะนี้เกรงจะเกิดอันตรายและไม่ปลอดภัยโดยสิ้นเชิง ดังนั้น เมื่อหญิงไทยเข้าบาห์เรนไม่ได้ การเดินทางออกนอกประเทศที่ประหยัดที่สุดช่วงนี้จึงต้องไปที่ดูไบ เมื่อกลับเข้าโอมานอีกครั้งหนึ่งก็จะสามารถอยู่ได้อีก 2 เดือน
Posted by Picasa

วันจันทร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ท่องจำได้ขึ้นใจในสมาธิ

                   การรับบุญในศูนย์ต่างประเทศ หน้าที่หนึ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ คือการทำหน้าที่พิธีกรในงานบุญต่าง ๆ บทพิธีกรรมเหล่านี้ถ้าจำไม่ได้ก็ต้องจดใส่กระดาษนำมาอ่านขณะทำหน้าที่ แต่ก็เกิดความรุ่มร่ามเรี่ยราดอยู่เป็นประจำ เพราะ เมื่อเป็นพิธีกรไม่ได้หมายความว่าจะได้นั่งสวยเรียบร้อยอยู่ที่เดียวเหมือนเป็นพิธีกรงานอื่น ๆ แต่ต้องลุก ๆ นั่ง ๆ ไปต้อนรับเจ้าภาพบ้าง ไปถ่ายรูปบ้าง ช่วยรับของประเคนจากพระอาจารย์บ้าง ฯลฯ ทำให้บทพิธีกรรมที่อยู่ในกระดาษ หรือในสมุด หรือในแฟ้ม ดูเหมือนจะไม่สะดวกที่จะใช้งานได้ในทันท่วงที ดังนั้นหากจะให้คล่องตัวในการทำงาน บทพิธีเหล่านี้ต้องอยู่ในใจ
                    การจะท่องบทอะไร ๆ ที่ยาว ๆ ให้ขึ้นใจ คงทำได้ไม่เหมือนสมัยตอนเป็นเด็กแล้ว สมัยนั้นท่องอาขยาน หรือร้องเพลงสมัยนิยม เพียงครั้งสองครั้งก็จำได้ และยังสามารถจำได้อยู่แม้เวลาผ่านไปหลายสิบปี เช่น เพลงที่ไม่เคยได้ร้อง ไม่เคยได้ฟังมาเป็นสิบสิบปี พอได้ฟังอีกครั้งก็สามารถร้องได้โดยไม่ลืม ยังมหัศจรรย์ตนเองอยู่เหมือนกันว่าทำไมยังจำได้ เมื่ออายุมากขึ้น สมองที่ใช้ในการจำคงเสื่อมชำรุด จำอะไร ๆ ยากขึ้น เช่น บทสวดมนต์ทำวัตรเช้า ทำวัตรเย็น สวดมาเป็น สิบสิบปีก็ต้องเปิดหนังสือสวดมนต์อยู่นั่นละ จำไม่ได้สักที จนต้องเข้มงวดกับตนเองว่าเข้าวัดมาหลายปีแล้วควรสวดมนต์ทำวัตรให้ขึ้นใจไม่ต้องเปิดหนังสือ จึงตั้งใจในคราวขึ้นปฏิบัติธรรมพิเศษที่พนาวัฒน์ครั้งหนึ่งว่า ครั้งนี้ต้องสวดมนต์โดยไม่เปิดหนังสือให้ได้ ซึ่งก็ทำได้โดยสวดมนต์ในใจไปเรื่อย ๆ ขณะนั่งสมาธิ  ปกติการนั่งสมาธิสมัยนั้นประสบการณ์ภายในยังติดลบอยู่กับการลุ้น เร่ง เพ่ง จ้อง จนบางครั้งปวดหัว ปวดตา คลื่นใส้ไปก็มี ผ่านจากประสบการณ์นั้นแล้วจึงสามารถปล่อยใจสบาย ๆ ได้บ้าง แต่ก็ยังเผลอฟุ้ง บางครั้งก็ฟุ้งไปรอบโลกได้หลายรอบจนต้องปล่อยให้ฟุ้งไปจนเหนื่อยแล้วค่อยไล่จับใจมาวางที่กลางท้องใหม่ ดังนั้นการที่ตั้งใจสวดมนต์ในใจจึงเท่ากับขจัดความฟุ้งซ่าน ให้ออกไปจากใจโดยให้ใจจรดจ่ออยู่กับบทสวดมนต์ ตรงไหนลืมหรือขึ้นต้นไม่ได้ก็เปิดหนังสือดูหน่อยแล้วค่อยหลับตาท่องบทสวดมนต์ต่อไป  ทำอย่างนี้เพียงไม่กี่รอบของการนั่งสมาธิ ก็สามารถสวดมนต์ได้ขึ้นใจโดยไม่ต้องเปิดหนังสืออีก
                       มาครั้งนี้ เมื่อต้องจำบทพิธีกรรมต่าง ๆ ให้ขึ้นใจ จึงนึกถึงวิธีที่เคยได้ผลนี้ ด้วยการเริ่มต้นกวดขันตนเอง เมื่อนั่งสมาธิก็เอาใจจรดที่บทพิธีกรรมต่าง ๆ ตั้งแต่คำขึ้นต้นก่อนอาราธนา ศีล5  ศีล8         " บัณฑิตทั้งหลายกล่าวว่า ศีลเป็นเบื้องต้น...เป็นที่ตั้งและ........." ไปจนกระทั่งคำกล่าวถวายสังฆทาน อาราธนาธรรม อาราธนาพระปริตร คำอธิฐานจิต คำแผ่เมตตา การนำกราบ นำกล่าวเป็นภาษาอังกฤษ รวมทั้งบทสวดธัมจักกัปปวัตนสูตรที่ไม่เคยสวดเลยก็ใช้วิธีการนี้เช่นเดียวกัน ทำให้สามารถจดจำบทต่างๆได้โดยไม่ต้องจดใส่กระดาษ ใส่หนังสือหรือถือแฟ้มอีกต่อไป เมื่อต้องทำหน้าที่พิธีกรเมื่อไหร่ ที่ไหน ก็สามารถปฏิบัติงานได้ทันทีเพราะมีข้อมูลนี้อยู่ในใจแล้ว
                          จะเห็นได้ว่า ขณะที่ใจอยู่ในสมาธินั้น สามารถจดจำสิ่งที่เราต้องการจำได้แบบขึ้นใจไม่หลงไม่ลืม จึงนึกไปถึงการท่องอาขยานในวัยเด็กที่จำได้ไม่รู้ลืมนั้น คงเป็นเพราะใจในวัยเด็กนั้นยังใส ไม่ขุ่นมัวไปด้วยประสบการณ์ชีวิต ใจที่ใส ๆ ย่อมมีคุณภาพในการคิด การจดจำเรื่องราวต่าง ๆ ได้ดี ดังนั้น ท่านผู้สูงอายุทั้งหลาย หากมีปัญหาเรื่องหลง ๆ ลืม ๆ เรียนอะไรก็ไม่จำ ท่องอะไรก็ไม่ได้ ลองนั่งหลับตาทำสมาธิเพื่อให้ใจหยุด ใจนิ่ง ใจใส ๆ ใจจะได้มีคุณภาพ จะคิด จะจำ จะทำสิ่งใด ก็จะทำได้ทุกสิ่ง เพราะใจเรามีสมาธินั่นเอง

เรียกร้องสิทธิเสรีภาพและประชาธิปไตย

    28 กุมภาพันธ์ 2554
                            ไปรับภัตตาหารจากบ้านคุณกบจึงมีโอกาสทราบข่าวการบ้านการเมืองกับเขาบ้าง คุณกบเล่าให้ฟังว่าประชาชนของประเทศในตะวันออกกลางประท้วงเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม เริ่มจากอียิปต์ที่อิสลามปาระเบิดใส่โบสถ์คริสต์ มีการประท้วงกัน ตอบโต้กันระหว่างประชาชนที่นับถือศาสนาต่างกัน และขอให้รัฐบาลรับผิดชอบ การไกล่เกลี่ยไม่เป็นผลเพราะคงมีนัยอื่นแอบแฝงอยู่ สถานการณ์ดูจะลุกลามรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ  กลุ่มกบฏต่อต้านอำนาจของกัดดาฟี รวมทั้งที่บาห์เรนที่เคยเป็นเมืองอาหรับที่สงบน่าอยู่ก็มีการประท้วงกันถึงขนาดเผาวงเวียนไข่มุก รัฐบาลต้องขอกำลังจากซาอุดิอารเบียมาปราบปรามประชาชน และจุดที่จะปราบก็อยู่ไกล้ ๆกับศูนย์ปฏิบัติธรรมบาห์เรนของเราด้วย เขาขอให้ประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องรวมทั้งชาวต่างชาติให้อพยพออกไป แล้วประกาศภาวะฉุกเฉินหรือกฏอัยการศึก ทหารฆ่าคนได้ไม่ผิด พระอาจารย์ปุณยวีร์ เจ้าอาวาสศูนย์บาห์เรนต้องหลบภัยสงครามมาอยู่โอมานอยู่ในขณะนี้ด้วยโอมานคงเป็นประเทศที่สงบสุขที่สุดในภูมิภาคนี้







                           บัดนี้กระแสการเรียกร้องสิทธิของประชาชนได้ลุกลามเข้ามาถึงโอมานแล้ว โดยเริ่มการประท้วงที่เมือง Sohar รุนแรงถึงขนาดเผาห้าง Lulu ซึ่งเป็นสาขาของห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในโอมาน อ้างเหตุที่เผาว่าเพราะเป็นกิจการของอินเดียซึ่งเป็นต่างชาติ ขายสินค้าราคาแพง เงินที่สุลต่านให้ฟรี ๆ เดือนละ 100 OR นั้นไม่เพียงพอกับการซื้อของใน Lulu ถ้าไม่ให้เผา Lulu ก็ต้องขึ้นเงินค่าเลี้ยงดูเป็น 200 OR การเรียกร้องได้ลุกลามเข้ามาถึงมัสกัตซึ่งเป็นเมืองหลวงของโอมาน มีการชุมนุมกันที่ Grand Mosque เขียนป้ายประท้วงแล้วเดินขบวนจากสนามบินเข้ามาในเมือง และก็เป็นการนัดประท้วงกันเฉพาะในตอนเย็นถึงหัวค่ำเท่านั้น ไม่ประท้วงตลอด 24 ชั่วโมงเป็นเดือน ๆ แบบบ้านเรา อาจเป็นเพราะว่าตอนกลางวันอากาศร้อนมากไม่มีใครอยากออกมาเดินขบวนอยู่กลางถนนก็เป็นได้ การประท้วงโอมานนี้คงบรรลุวัตถุประสงค์ คือได้เงินค่าครองชีพเพิ่มขึ้นเป็น 150 OR สำหรับคนที่ไม่ต้องทำงานอยู่บ้านเฉย ๆ เพียงเกิดเป็นคนโอมานก็ได้เงินค่าเลี้ยงชีพแล้ว ส่วนคนที่ทำงานก็ได้มากกว่านี้ และงานที่หนัก ๆ ยาก ๆ ก็ไม่ต้องทำให้อินเดียกับพวกปากีสถานเขาทำ งานบ้าน งานบริการเขามองเป็นงานชั้นต่ำก็มีคนฟิลิปปินส์ อินเดีย บังคลาเทศทำ นับว่าบุญแต่ปางก่อนของเขายังดีอยู่ ประชาชนเรียกร้องอะไร สุลต่านก็ยังแบ่งปันให้ได้อยู่ ความสงบกลับคืนมาแล้วที่โอมาน ส่วนประเทศอื่นยังมีการประท้วงการปราบปรามกันอย่างต่อเนื่อง
                          โลกอาหรับที่พัฒนาตนเองให้เจริญทางวัตถุอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาประมาณ 40 ปีมานี้ กำลังก้าวเข้าสู่สถานการณ์ปั่นป่วนเนื่องจากประชาชนของเขาเองที่ต้องการสิทธิเสรีภาพในการปกครอง ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชสั่นคลอนครั้งใหญ่อีกครั้ง ประเทศใดจะประคับประคองให้เกิดความสมดุลในอำนาจการปกครองได้ดีกว่ากัน เป็นเรื่องที่ต้องติดตามต่อไป

วันอาทิตย์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2554

อาหารการกิน

                อาหารการกินที่นี่อุดมสมบูรณ์ ราคาแพงหากต้องซื้อ แต่ด้วยบุญบารมีของพระจึงมีเจ้าภาพถวายภัตตาหารเป็นประจำ เริ่มแรกได้แก่คุณกบ รัตนาวดี กับคุณชาญณรงค์ เขาเป็นพ่อครัวร้านอาหารไทยที่ Al Ghubrah เมนูพิเศษคือ ผัดไทย ผัดกระเพรา เจ้าภาพทำอาหารไว้ให้เราขับรถไปรับอาหารมาก็สะดวกดี หากวันใดไม่มีเจ้าภาพ ก็ไปซื้อกับข้าวที่ Lulu Hypermarket เป็นศูนย์รวมสินค้าเกือบทุกอย่างรวมทั้งอาหาร เนื้อและผักทั้งสดและแช่แข็ง ที่มากมาย คือไก่ประชาชนเขากินไก่กันมากจริง ๆ บางวันมีไก่งวงด้วย เนื้อวัวจากนิวซีแลนด์ ราคาไม่แพงมาก มีเนื้อแกะ Lamp เนื้อแกะแก่เขาจะเรียกว่าMutton เคยได้ยินประโยคที่เขาใช้เรียกคนแก่ที่ไม่ยอมแก่พยายามทำตัวให้เป็นสาวว่า  "Mutton พยายามเป็น Lamp" ฟังเป็นตลกร้ายหน่อย ๆ เหมือนกัน  เนื้อทั้งสองประเภทนี้ไม่เคยซื้อมาทำอาหารถวายพระ สาเหตุเพราะเคยกิน Lamp Steak สมัยไป Australia  แล้วพบว่ากลิ่นเฉพาะตัวเขาเกินรับได้ จึงไม่สรรหามากินอีกเลย ส่วนหนึ่งก็คือทำไม่เป็นนั่นเอง
                   เมื่อไปดูในส่วนของอาหารทะเลบ้าง ปลาทะเลของเขาหน้าตาแปลกกว่าบ้านเรา ตัวใหญ่ หน้าตาดุ ๆ เหมือนผู้ร้ายจนไม่กล้าซื้อมาทำอาหาร บางตัวก็สวยจนน่าสงสาร เช่น ปลา dolly ที่แสดงเป็นเพื่อนของพ่อ Nemo ในการ์ตูนเรื่อง Finding Nemo สวยก็ไม่กิน น่ากลัวก็ไม่กิน ไอ้ที่กล้ากินนะ หน้าตาเหมือนปลาทูแต่ตัวโต เขาเรียกปลา Maccarell เอามานึ้งเป็นปลาทู ทอดทำน้ำพริกปลาทูได้ อร่อยดีเหมือนกัน ถ้าไม่ต้องดูหน้าดูตาให้เกิดสังเวชก็ซื้อปลาแช่แข็ง ซึ่งมีอยู่มากมาย
                      เมื่อมาดูแผงขายผักของเขาก็เร้าใจดี มีผักไทย ๆ ที่เขาปลูกได้ดีคือสะระแหน่ ผักชีไร้ราก ต้นหอม ใบแมงรัก เขาขายเป็น Herb&leave ส่วนกระเพรากับโหระพานี่เขาไม่เอามาขายเป็นผักสด แต่เขาปลูกเป็นไม้ประดับโดยเฉพาะโหระพาทนร้อนได้ดีใบเขียวออกดอกเป็นพุ่มสีม่วงสวย สำหรับผักบุ้ง เห็นเมื่อไหร่เป็นต้องซื้อเพราะนาน ๆ จะมีมาทีและก็มาแบบยอดสั้น ๆ อาศัยเอามาผัดผักบุ้งถวายให้ฉันกับข้าวต้มตอนเช้าได้บรรยากาศอาหารไทย ผักที่เขาปลูกขายราคาถูกก็มีแตงกวา แครอท มะเขือเทศ เห็ด ส่วนผักต่างประเทศจำพวกกลำ่ปลี มะเขือ มะนาว นำเข้าจากจากอินเดียบ้าง ปากีสถานบ้าง อิหร่านบ้าง พวกนี้ราคาไม่แพงมากนัก จะแพงก็ผักจากไทย เช่นมะละกอ ตะไคร้ ใบมะกรูด ถั่วฝักยาว คะน้า พริกชี้หนู และผลไม้ไทยนี่แหละแพงจนไม่กล้าซื้อ แถมยังขาดความสวยงามไม่น่ากินเอาเลย น่าอายผลไม้ไทยของเราจริง ๆ 
                        ส่วนข้าวสารมีข้าวหอมมะลิจากไทยขายในราคาพอซื้อได้ มีข้าวเหนียว น้ำปลา ซอสปรุงรส น้ำมันหอย  มีทุกอย่างยกเว้นเต้าเจี้ยว พวกอาหารกระป๋องที่ทำให้หายคิดถึงอาหารไทยก็มีกะทิ หน่อไม้ในน้ำย่านาง ข้าวโพด ซึ่งของเหล่านี้มีขายที่ร้าน Al Fair
                          ท่านที่คิดจะมารับบุญที่โอมานนี้ก็ไม่ต้องกลัวจะไม่มีอาหารไทยรับประทาน เพราะมีอย่างมากมายหลายชนิด อุดมสมบูรณ์ ขอเพียงมีเงินซื้อและมีเวลาทำอาหารไทยเอง ก็แซบถูกใจแล้ว  

ขับรถเลนขวา


            การขับรถในประเทศโอมานต้องขับเลนขวาเหมือนสหรัฐอเมริกา ยุโรปหรือที่ไกล้บ้านเราก็คือขับทางเดียวกับประเทศลาว การขับรถเลนขวานับเป็นประสบการณ์ใหม่ที่ต้องฝึกฝนให้เกิดความเคยชิน ซึ่งก็ไม่ยากนักสำหรับคนที่เคยชินกับการขับรถเป็นประจำอย่างเรา ที่ชอบขับรถเอง ชอบดูถนนหนทาง ดูวิวทิวทัศน์ ดูต้นไม้ ภูเขา สายลมแสงแดด การขับรถไปรับภัตตาหารบ้านเจ้าภาพ ไปรับเจ้าภาพมาทำบุญที่วัด ขับรถรับส่งพระอาจารย์สนามบิน จึงเป็นภาระบุญที่ไม่เบื่อเลย

รถของศูนย์ ก่อนการบูรณภาพ

              รถที่ศูนย์โอมานเป็นรถ BMW ซีรี 3 รุ่นปี 99 อายุอานามก็10 กว่าปี ถ้าจะเปรียบเทียบไปก็เหมือนเรา คือ เป็นสาวเปรี้ยวที่แก่แล้ว จึงมีร่องรอยประสบการณ์อุบัติเหตุให้เห็นอยู่บ้าง แต่ก็ใช้งานได้ดีอยู่
             การเดินทางไปยังจุดหมายต่าง ๆ ต้องพยายามศึกษาเส้นทางกลับไว้ด้วย เพราะการย้อนกลับเส้นทางเดิมนั้้นต้องหาวงเวียน(roundabout) เพื่อเวียนมาอยู่เลนขวา ซึ่งบางครั้งไม่สามารถย้อนกลับทางเดิมได้เสมอไป อาจต้องใช้เส้นทาง Local road ซึ่งยังไม่ปรากฏในแผนที่ การเข้าวงเวียนต้องรอให้รถในวงเวียนไปก่อน ขับแรก ๆ ที่ยังไม่คุ้นกับระบบวงเวียนก็เงอะงะโดนรถคันอื่นเขากดแตรไล่เอาบ่อย ๆ เพราะคนที่นี่เขานิยมกดแตรมาก เอะอะก็ใช้เสียงทำเอาฉุนบ้างเป็นบางครั้ง แต่เดี๋ยวนี้ชักชินแล้ว
              มาอยู่แรก ๆ สังเกตุว่าตามถนนหนทางไม่เคยเจอตำรวจคอยอำนวยความสะดวกให้ประชาชนเหมือนบ้านเราเลย เขาก็ขับกันเรียบร้อยดี ไม่เคยเห็นใครฝ่าไฟแดง ไม่ค่อยเห็นใครขับเกิน 120 กม.ต่อชั่วโมงตามที่เขากำหนดไว้ กว่าจะรู้ว่าเขามีระบบเรด้าผ่านดาวเทียมควบคุมการจราจร และมีกล้องจับภาพรถที่ผิดกฏจราจรอยู่ทั่วไปก็ตอนต้องเอารถไปเสียภาษีและต่อทะเบียน ตำรวจจะไม่ยอมต่อทะเบียนให้เด็ดขาดถ้าไม่เสียค่าปรับตามที่กล้องบันทึกไว้ว่าขับรถเร็ว หรือฝ่าไฟแดง และปรากฏว่าตลอดระยะเวลาที่รถอยู่ในความรับผิดชอบของศูนย์ต้องเสียค่าปรับ 16 ครั้ง เป็นของเราซะ 10 ครั้ง ค่าปรับคิดเป็นครั้ง ครั้งละ 10 OR หลังจากเสียเงินซื้อประสบการณ์ ป้าต๋อยขับรถระมัดระวังขึ้นมาก อย่าหวังว่าจะได้มาปรับอีก    
         สำหรับการออกใบอนุญาตขับขี่ที่นี่ เขาออกกันยากเย็น ต้องไปเรียนขับรถกับผู้ได้รับใบอนุญาตด้วย และต้องสอบทั้งข้อเขียนและต้องขับรถให้ได้ตามเกณฑ์ของเขาจึงจะผ่าน บางคนต้องเสียเงินค่าเรียนขับรถไปเป็นเงินหลายร้อยOR ก็ยังสอบไม่ผ่าน ต้องนัดทดสอบซ้ำหลายรอบ สำหรับนักท่องเที่ยวสามารถใช้ใบขับขี่สากลขับรถที่โอมานได้ ส่วนคนที่มี ID Card อย่างลูกอ้อมมีใบขับขี่ของเขาแล้ว สามารถขับรถได้ ส่วนน้องเล็กยังไม่มีใบขับขี่ของเขายังขับรถที่นั่นไม่ได้ ไม่สามารถแย่งเราขับได้ก็เลยได้โอกาสซิ่งตามสบายใจ

วันเสาร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2554

อาหรับ

แผนที่แสดงประเทศในตะวันออกกลาง

             สมัยยังเรียนวิชาภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ ตะวันออกกลางที่พอจำได้ก็มี ซาอุดิอารเบีย อีรัก อิหร่าน จอร์แดน ตุรกี เยเมน เมื่อได้มาตะวันออกกลางในวัยคุณป้า คุณยาย เห็นได้ชัดว่า สหรัฐอาหรับเอมิเรต เป็นผู้นำด้านการเปลี่ยนทะเลทรายให้เป็นเมืองศิวิไลซ์ ด้วยเงินที่ได้มาจากน้ำมัน หรือที่เราคุ้นหูว่าเป็นประเทศในกลุ่มโอเปค ประเทศที่ปรากฏชื่อเสียงขึ้นมาในช่วงอายุของเรา ได้แก่ บาห์เรน การ์ตา โอมาน เมืองเหล่านี้ไม่ยอมรวมกับสหรัฐอาหรับเอมิเรต ทุกประเทศเร่ิงสร้างเนื้อสร้างตัวในช่วงประมาณ 40 ปี มานี้เอง เช่น โอมานก็ฉลองเมือง 40 ปี และ Qatar ก็ฉลอง 38 ปี พร้อม ๆ กับ UAE ซึ่งเร่งสร้างเมืองให้เฟื่องฟูเป็นฟองสบู่ และฟองสบู่ก็แตกในช่วงปี 2552 เศรษฐกิจก็ซวนเซไปเหมือนกัน
              เรามาทำความเข้าใจก่อนว่า ระหว่างโลกอาหรับ โลกมุสลิม ตะวันออกกลาง และ Gulf States แตกต่างกันอย่างไร
              โลกอาหรับ หมายถึง ประเทศที่ใช้ภาษาอารบิคเป็นหลักดังนั้น ประเทศอัฟริกาเหนือ จึงรวมอยู่ในประเทศอาหรับด้วย
               โลกมุสลิม หมายถึง ประเทศที่ประชาชนส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม ซึ่งจะรวมไปถึง          ประเทศอัฟริกาเหนือ โซมาเลีย ปากีสถาน ตุรกี อิรัก อิหร่าน อัฟกานิสถาน ซูดาน มาลี ไนเจอร์ ชาด รวมไปถึงมุสลิมในจีนและในรัสเซียด้วย
                ตะวันออกกลาง ตั้งอยู่ระหว่างทวีปยุโรป อัฟริกาและเอเซีย เป็นศูนย์กลางของประเทศอาหรับ พื้นที่ส่วนใหญ่แห้งแล้ง เป็นทะเลทราย อุณหภูมิอาจสูงถึง 50 องศา เซ็นติเกรด ถือเป็นพื้นที่ที่ร้อนที่สุดในโลก
                The Gulf State หมายถึงประเทศที่ตั้งอยู่บนคาบสมุทรอารเบียน ซึ่งได่แก่ประเทศซาอุดิอารเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรต การ์ตา คูเวต บาห์เรนและโอมาน ประเทศเหล่านี้นับเป็นประเทศที่ร่ำรวยที่สุดในโลกจากการขายน้ำมัน
                ประเทศโอมาน อยู่ในตะวันออกกลางและGulf State เป็นส่วนหนึ่งของทั้งโลกอาหรับ และโลกมุสลิม เขาใช้ชื่อในภาษาอังกฤษว่า "SULTANATE OF OMAN"

               

วันหยุด ไปวัด

             วันศุกร์เป็นวันหยุดของประเทศมุสลิมรวมทั้งที่โอมานด้วย สาธุชนที่อยากมาทำบุญก็จะมาวัดกันในวันศุกร์ ศุนย์เราก็เตรียมต้อนรับสาธุชนในวันศุกร์ เหมือนวัดใหญ่เราเตรียมต้อนรับสาธุชนในวันหยุดวันอาทิตย์  (หาข้อมูลว่าทำไมมุสลิมหยุดวันศุกร์)
              เคยขัดเคืองใจเหมือนกันที่ทำไมประเทศไทยต้องหยุดงานวันอาทิตย์ซึ่ึ่งเขาก็อ้างว่าปรับให้เข้ากับหลักสากล ในฐานะที่เป็นชาวพุทธก็อยากให้เขากำหนดวันพระเป็นวันหยุดงานเพื่อสาธุชนชาวพุทธจะได้ไปทำบุญ ได้อุทิศบุญกุศลไปให้หมู่ญาติในภพภูมิต่าง ๆ ที่เขามารอรับส่วนบุญในวันพระ ซึ่งเป็นวันหยุดของภพสาม หรือว่าาาาาาาาาาา ป่านนี้แล้ว ภพทั้งสามได้ปรับวันหยุด งดทัณฑ์ทรมานสัตว์นรกให้มารับบุญวันอาทิตย์กันได้แล้ว (55555 คิดเป็นเล่นไปได้5555)
               เราต้องเข้าใจเหมือนกันว่า คำว่าหลักสากลของชาวโลก นั้น หมายถึง โลกเรานี้เท่านั้น ไม่ใช่สากลโลกตามหลักพระพุทธศาสนา ที่มีนิพพาน ภพสาม โลกันต์ สัตว์โลกก็ประกอบด้วย เทวดา พรหม มนุษย์ สัตว์เดรฉาน เปรต อสุรกาย สัตว์นรก สัตว์เหล่านี้เขามีวันหยุดพักผ่อนกันในวันพระ ยกเว้นเหล่าเทวดาเขาหยุดของเขาได้ทุกวันเพราะไม่ต้องทำงาน เสวยบุญอย่างเดียว แต่เขาก็เลือกจะมาเยี่ยมเมืองมนุษย์ในวันพระ เพราะมีโอกาสได้อนุโมทนาบุญกับมนุษย์ที่มักจะทำบุญกันในวันพระ และคิดว่าช่วง 40 ปี มานี้ เทวดาคงมาเที่ยวเมืองมนุษย์ในวันอาทิตย์และคงมาป้วนเปี้ยนอยู่แถวคลองสามนี่แหละ สงสารก็คือหมู่ญาติของเราที่ไม่ใช่เทวดา ที่ยังรับโทษอยู่ในนรกขุมต่าง ๆ ในวันพระก็จะได้รับการปลดปล่อยให้ได้มารับบุญกับหมู่ญาติได้บ้างนั้น ถ้าวันพระเป็นวันที่ลูกหลานยังต้องทำงานอยู่ เขาไม่ได้สร้างบุญสร้างกุศลอันใด หมู่ญาติที่มาคอยส่วนบุญก็มาเสียเที่ยวใจเหี่ยวกลับไปรับโทษในนรกต่อไป ถึงวันพระ ลูกหลานที่ใจไฝ่ในบุญมาทำบุญอุทิศส่วนบุญไปให้ สัตว์นรกก็ติดงานมัวรับโทษทัณฑ์ทรมานอยู่ จะอนุโมทนาบุญก็ทำได้ไม่เต็มที่ บุญที่ส่งมาให้ก็ตก ๆหล่น ๆ  คงมีการบ่นกันบ้างละว่า " ทีวันไปรับถึงที่แล้วไม่ให้ ดันเอามาให้ในวันที่ทรมานอยู่อย่างนี้ วันพระวันเจ้าไม่รู้จักหยุดทำบุญกันบ้าง อย่างนี้จะรับบุญได้ยังไงฟะะะะะ"
              ฉะนั้น ลูกหลานทั้งหลาย จะอยู่ในประเทศที่มีวันหยุดวันอาทิตย์ วันศุกร์ หรือวันไหนก็ตาม ควรหาโอกาสสะสมบุญไว้ทุกวัน ไม่เฉพาะที่เป็นวันหยุดเท่านั้น และก็หมั่นตรึก ระลึกถึงบุญและหมั่นกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้หมู่ญาติและสรรพสัตว์ทั้งหลายให้ได้ทุกวัน บุญก็จะไม่ตก ไม่หล่น ทั้งบุญของเราและบุญของหมู่ญาติเราในสากลโลกด้วย

ที่นี่โอมาน

อุบาสิกาแก้ว effect

       ที่เมืองไทยเคยรับบุญเป็นผู้ช่วยหัวหน้าศูนย์อบรมอุบาสิกาแก้วและจัดการอบรมพี่เลี้ยงอุบาสิกาแก้วของจังหวัดนครราชสีมา เมื่อมารับบุญตะวันออกกลาง ใจก็ติดอยู่กับอุบาสิกาแก้วอยากให้เจ้าภาพคนไทยที่เข้าวัดได้รับรู้เรื่องราวของอุบาสิกาแก้วบ้าง จึงเสนอขอให้จัดอบรมอุบาสิกาแก้วขึ้นที่ศูนย์บ้าง พระอาจารย์ท่านอาจจะไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่นัก เพราะท่านไม่ได้อยู่ในบรรยากาศ แต่ท่านก็เมตตาให้จัดได้ในวันที่ 3-4-5 มี.ค.54  จึงได้พยายามเตรียมสื่อการอบรม เอกสารประกอบการอบรม ด้วยความตื่นเต้น และเริ่มเชิญชวนเจ้าภาพมาร่วมอบรม โดยเริ่มที่ลูกเราก่อน แต่ปรากฏว่าลูกต้องเข้ารับการอบรม และยังโกลาหลอยู่กับการย้ายที่พัก การตรวจสุขภาพ การทำวีซ่า และเรื่องการตรวจสุขภาพผลการตรวจปรากฏว่าสายตาผิดปกติ ต้องไปทำการตรวจซ้ำที่คลีนิค ได้บอกน้องเล็กไปว่าอย่างนี้เรียกอาการ"ตาถั่ว" คือสายตาจะเบลอแบบชั่วคราวเกิดขึ้นเนื่องจากการเล่นเกมส์ การอยู่หน้าคอมมากเกินไป รายของน้องเล็กคือการเล่น BB ดังนั้นก่อนรับการตรวจเช็คขอให้งดการเล่น BB ปรากฏว่าผลตรวจสายตาก็เป็นปกติ
        ทฤษฎีที่ว่าเด็กยุคนี้ ไม่ตาถั่ว ก็หูหนวก หรือทั้งตาถั่วทั้งหูหนวก เพราะตาอยู่กับคอมพิวเตอร์ หูติดหูเสียบฟังเพลงตลอดเวลานั้น เป็นทฤษฎีที่ได้รับการยืนยันอีกครั้งหนึ่งแล้ว

อุบาสิกาแก้วรุ่นแรกของศูนย์โอมาน                 
                ผู้สนใจเข้าร่วมอบรมอุบาสิกาแก้วมีจำนวนมากพอสมควร แต่ไม่สามารถอยู่ตลอดระยะเวลาการอบรมได้ เพราะคนไทยที่นี่ส่วนหนึ่งทำงานในร้านอาหาร ส่วนหนึ่งทำงานในร้านเสริมสวย ร้านนวด ร้านสปา ส่วนที่เป็นสาวโอมานแอร์นั้น ย่ิงไม่สามารถมาร่วมกิจกรรมใด ๆได้เลย เพราะเวลาทำงานต้องเป็นไปตามตารางที่บริษัทกำหนด จึงมีผู้เข้ารับการอบรมตลอดเพียงไม่กี่ท่าน การอบรมและอยู่ร่วมกันเป็นไปอย่างอบอุ่น พระอาจารย์เมตตามอบธรรมะอันเป็นประโยชน์ ทุกคนได้ชมสื่อของวัด เกิดความเข้าใจในมโนปณิธานของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ เข้าใจหน้าที่ของอุบาสิกาแก้ว                
                เมื่อมีก้าวแรก ก็จะตัองมีก้าวต่อ ๆ ไปและจะเป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ขึ้นไปเรื่อย ๆ ขอเพียงอย่าท้อ และอย่าหยุด ต้นกล้าแห่งความสำเร็จได้เพาะลงบนผืนดินแห่งนี้แล้ว และผู้ที่จะต้องดูแลรักษาเลี้ยงดูทนุถนอมให้ต้นกล้าเหล่านี้เติบโตต่อไปนั้นคือตัวเราเอง  ดังนั้นจงเร่งเตรียมตัวเองให้พร้อมที่จะสามารถทำหน้าที่ เป็นต้นบุญ ต้นแบบอย่างดีที่สุด เริ่มเดี๋ยวนี้ทันทีเลย ทำเลย

ได้ประโยชน์ ได้ความสุข ได้มรรคผลนิพพาน

19 กุมภาพันธ์ 2554
              การเป็นอาสาสมัครรับบุญในศูนย์ที่ต่างประเทศ  ต้องมีกิจวัตรประจำวันเหมือนไปปฏิบัติธรรมพิเศษ คือ อาราธนาศีล 8 ตื่นตีสี่ สวดมนต์ทำวัตรเช้า นั่งสมาธิ ถวายภัตตาหารเช้า เพล รับบุญทำความสะอาด พักผ่อนเข้านอนสี่ทุ่ม และเนื่องจากอาศัยอยู่ในบุญสถาน จะหยิบจะจับงานอะไร ก็เป็นบุญล้วน ๆ ในทางกลับกันหากทำอะไรที่ไม่ถูกต้องบาปกรรมก็ล้วน ๆ เช่นเดียวกัน ดังนั้นต้องหมั่นระมัดระวังไม่ให้บาปกรรมเกิดขึ้นได้ สร้างบุญได้ ก็ต้องใช้บุญเป็น ระมัดระวังไม่ให้บุญรั่วไหล


ครอบครัวของ Amily และน้องเล็กเป็นสาวโอมานแอร์










       


       การได้โอกาสรับบุญที่โอมานนี้ เป็นโอกาสพิเศษจริง ๆ ไม่มีใครจะได้โอกาสนี้ง่าย ๆ บางคนอยากมารับบุญ แต่เมื่อต้องติดภาระครอบครัวบ้าง กลัวการดำรงชีวิตในต่างประเทศบ้าง ไม่กล้ามาใช้ภาษาอังกฤษบ้าง ทำให้เสียโอกาสได้รับบุญนี้ไป  ส่วนเรา ปลอดความกังวลในเรื่องครอบครัว ไม่กลัวที่จะใช้ชีวิตในต่างแดน การได้โอกาสอยู่รับบุญที่นี่นั้น นับเป็นประโยชน์ต่อตนเองอย่างยิ่ง เพราะได้มาอยู่ไกล้ลูกสองคน หลานหนึ่งคน โดยไม่ต้องไปขออาศัยอยู่ที่บ้านเขาให้เขาต้องอึดอัดรำคาญคนแก่ ที่ว่าได้ความสุขก็เพราะได้อยู่ไกล้ ได้เห็นลูก ๆ มาทำบุญและที่ว่าได้มรรคผลนิพพานนั้นก็เพราะอยู่ที่นี่เป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ที่จะได้สร้างบารมีทั้ง 10 ทัศให้เข้มข้นยิ่งขึ้น
                ชีวิตเราเมื่อเป็นผู้สูงวัยเช่นนี้ ถือเป็นบุญวาสนาอย่างยิ่งที่วันคืนล่วงไป ๆ เรากำลังสร้างบารมีอยู่ จึงถือว่า เราเป็นผู้ได้ประโยชน์ ได้ความสุข ได้มรรคผลนิพพานอย่างแท้จริง

วันศุกร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2554

Grand mosque oman

Grand Mosque Muscat Oman

           Grand mosque คือ มัสยิดหรือสุเหร่าที่ใหญ่ที่สุดของโอมาน เป็นสถาปัตยกรรมที่สวยงามโดดเด่นเป็นสง่ากลางกรุงมัสกัต การเดินทางจากสนามบินมาที่ศูนย์ฯต้องใช้ถนนที่ตัดผ่านบริเวณ Grand mosque  ดังนั้นภาพที่สวยงามเช่นในภาพนี้ก็จะเห็นจนเจนตา ขับรถหลงไปที่ไหน ต้องมองหาโดม Grand mosque หมายตาไว้แล้วพยายามหาทางเลี้ยวมาให้ได้ ก็กลับถึงศูนย์ได้เช่นกัน บทความที่เกี่ยวกับ Grand mosque ที่เขาเขียนไว้ในเอกสารส่งเสริมการท่องเที่ยว เอามาลงไว้เป็นความรู้ก็ดีเหมือนกัน
              Mosque in Oman are magnificent and one of the most beautiful and breathtaking is the Sultan Qaboos Grand Mosque inaugurated in May 2001.It is located in Bausher on the main Muscat to Seep highway.The Grand Mosque is the mosque, an Islamic library and an Institute for Islamic studies.
               The Mosque was a gift from His majesty Sultan Qaboos to the people of Oman. It took six years to build and the total complex covers an area of four hundred and sixteen thousand square meters. The actual mosque covers an area of forty thousand square meters and has sixteen thousand square meters of hand-carved stonework on the walls. The dome is fifty meters tall. The marble used in the construction was imported from Italy and Iran. There are thirty-five crystal chandeliers and the central chandelier weights eight and a half thousand kgs, and is fourteen meters long. ( This is Oman by Anne Bouji)
                 Grand Mosque ยามค่ำคืนเขาจะเปิดไฟสว่างไสว แสงสีทองเรืองรองบนยอดโดมสวยงาม เห็นทีไรให้คิดถึงมหาธรรมกายเจดีย์ของเราจับใจ ด้วยยอดโดมที่ประดิษฐานองค์พระธรรมกาย 300,000 องค์ ยามค่ำคืนก็จะเป็นสีทองเหลืองอร่ามสวยงามยิ่งนัก ได้เห็นเมื่อไรก็ภาคภูมิใจ ปลื้มใจจนน้ำตาไหลด้วยความตื้นตันใจทุกครั้ง



มหาธรรมกายเจดีย์



                 ทั้งมหาธรรมกายเจดีย์และ Grand Mosque ต่างก็เป็นบุญสถานที่สำคัญ ส่งผลต่อความภาคภูมิใจให้กับคนในชาติ เป็นศุนย์รวมใจ สามารถน้อมนำให้ผู้คนปฏิบัติตามคำสอนทางศาสนานำพาความสุขใจ สงบ ร่มเย็นมาสู่ประชาชนพลเมืองได้
                    สำหรับโอมานนั้น Sultan Qaboos  เห็นความสำคัญของบุญสถานที่จะทำหน้าที่เป็นศูนย์รวมใจ ให้ประชาชนภาคภูมิใจในชาติ ศาสนาของเขา  ท่านจึงทุ่มเงินงบประมาณมหาศาลเพื่อเนรมิตรผืนดินที่แห้งแล้งให้กลายเป็น Grand Mosque ที่สวยสง่า ร่มรื่นเขียวขจี สามารถกล่าวอ้างอย่างภาคภูมิว่าเป็น Mosque ที่สวยที่สุดในภาคพื้นตะวันออกกลาง
                    มหาธรรมกายเจดีย์ของเรานั้นบัดนี้เป็นศูนย์รวมของชาวพุทธทั่วโลก มีความสำคัญยิ่งใหญ่ มีคุณประโยชน์และมีคุณค่าต่อพระพุทธศาสนาต่อประเทศชาติบ้านเมืองและไพร่ฟ้าประชาชน มากมายมหาศาลเกินกว่าจะพรรณนาได้หมดสิ้น สร้างโดยอาศัยเงินที่เกิดจากแรงศรัทธาของประชาชนคนไทยทั่วโลก ไม่ได้ใช้เงินงบประมาณแผ่นดินเลยแม้แต่เพียงสลึงเดียว เราสร้างธรรมกายเจดีย์บนผืนนาฟ้าโล่ง ในพื้นที่กว่า 2,500 ไร่ ผู้คนที่ศรัทธาสร้าง ก็ทุ่มเทแรงกาย แรงใจ แรงทรัพย์ช่วยกันสร้างอย่างสุดชีวิตตลอดระยะเวลายาวนานกว่า 15 ปี  แม้จะมีผู้ที่ไม่หวังดีและไม่ได้ช่วยสร้างเขาจะชวนกันต่อต้าน ว่าร้ายใส่ความ หาทางขัดขวางกันสุดชีวิตอย่างไร เราก็สามารถฉลองชัยปิดเจดีย์สำเร็จไปเมื่อปี 2554 นี้เอง
                   ลองคิดดูว่า หากมีผู้สร้างมหาธรรมกายเจดีย์แล้วมอบให้เป็นของขวัญแก่ประชาชนเหมือนกับที่ี Sultan Qaboos  เขาสร้าง Grand Mosque มอบเป็นของขวัญแก่ประชาชนของเขา แล้วไพร่ฟ้าประชาชนอย่างพวกเรา ก็จะไม่มีโอกาสมีส่วนในบุญมหาศาลนี้ด้วย  โชคดีเหลือเกินแล้ว ที่ผู้มีบุญญาบารมีทั้งหลายท่านเล็งไม่เห็นบุญลาภในการสถาปนามหาธรรมกายเจดีย์ อานิสงค์ผลบุญจึงตกเป็นของไพร่ฟ้าประชาชนคนธรรมดาอย่างเราที่ได้มีโอกาสทุ่มเทแรงกาย แรงใจ มีส่วนร่วมในการต่อสู้เพื่อสร้างเจดีย์ได้จนสำเร็จ  เมื่อใดที่ได้เห็นแสงสีทองเหลืองอร่ามบนยอดโดมมหาธรรมกายเจดีย์ ก็ให้ปลื้มในบุญจนน้ำตาไหลได้ทุกครั้ง  เป็นบุญลาภของไพร่ฟ้าประชาชนคนธรรมดาอย่างเราจริงๆ

อธิษฐานจิต ผลบุญเป็นอัศจรรย์ได้มาตะวันออกกลาง

            สวัสดีปีใหม่ 2554 ด้วยการว่างงาน เพราะบอกเลิกสอนที่มหาวิทยาลัยราชภัฏ(หมู่บ้านจอมบึง) และเกิดการล้างไพ่การบริหารที่โรงเรียนตะวันชัย จึงถือโอกาสเดินทางไปอยู่กับลูกอ้อม ซึ่งไกล้คลอดที่ประเทศโอมาน ใช้ชีวิตที่แตกต่างจากที่ตะลอน ๆ รับบุญที่โน่นบ้างที่นี่บ้าง     มาเป็นคุณยายของ เอมิลี ที่เมืองมัสกัต ประเทศโอมาน ซึ่งเป็นประเทศนับถือศาสนาอิสลาม ภูมิประเทศ ภูมิอากาศ ขนบธรรมเนียมประเพณีที่แตกต่างจากเราหลายประการ น่าจะได้ศึกษาเป็นความรู้และบันทึกไว้บ้างก็น่าจะดี ลูกยุ้ยแนะนำให้บันทึกลงใน Blogger ที่มีอยู่แล้ว จึงลองหัดทำดูแบบนักเรียนอนุบาล ซึ่งน่าสนใจและน่าเพลิดเพลินเป็นอย่างยิ่ง ทำให้วันคืนล่วงไปล่วงไปได้ทำสิ่งใหม่ ๆที่น่าสนใจ ได้ทั้งความเพลิดเพลินและได้บุญไปด้วย
            เมื่อกลับมาประเทศไทยก็หลบไปนั่งหลับตาทำสมาธิที่ภูเรือ วันหนึ่งในรอบเช้าตรู่ของการปฏิบัติธรรมที่นั่น ได้ตั้งจิตถามหลวงปู่ว่า หน้าที่ของลูกในกองทัพธรรมลูกต้องทำอะไรกันแน่  ทำไมต้องไปอยู่ตรงโน้นบ้าง ตรงนี้บ้าง ย้ายไปย้ายมา เอาแน่เอานอนไม่ได้ซะที เป็นเวลากว่า 20 ปีแล้ว หากลูกยังเป็นกำลังสำคัญของกองทัพธรรมอยู่  ขอหลวงปู่ช่วยบอกลูกด้วยเถิด ว่าลูกควรอยู่ที่ไหนและต้องทำอะไร และแล้ว ภาพของตะวันออกกลางที่เคยไปมาทั้งที่บาห์เรนและโอมานก็เรืองรองแจ่มชัดขึ้นมาในสมาธิ จึงได้ตั้งจิตอธิษฐานกับหลวงปู่อีกครั้งหนึ่งว่า หากตะวันออกกลางคือสนามรบของลูก ขอให้ลูกได้มีโอกาสไปรับบุญที่โอมานอย่างเป็นอัศจรรย์และขอให้ได้เดินทางไปพร้อมกับให้น้องเล็กได้งานที่โอมานแอร์ด้วยเถิด เมื่อเดินทางกลับ ยังไม่ถึงวัดเลย ลูกยุ้ยโทรศัพท์บอกว่าคุณแดงกับพ่ออู๊ตเขาซื้อตั๋วเครื่องบินให้แม่ไปโอมานแล้วนะ และเล็กก็โดนเรียกให้ไปรายงานตัวที่โอมานแอร์เหมือนกัน

ตะวันลับฟ้าที่สวนป่าหิมวันต์ อำเภอภูเรือ

Amily กับคุณยาย
Otto ไปส่งยายและน้าเล็กที่สนามบินสุวรรณภูมิ














               




โอ........................ ผลบุญเป็นอัศจรรย์ จัดกระเป๋าเดินทางอย่างเร่งด่วน ก้าวเท้าเข้าสู่ตะวันออกกลางในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา 16.20 น. บุญครั้งแรก ณ ดินแดนทะเลทรายแห่งนี้ คือ บุญมาฆะบูชา ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ตรงกับวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2554
              หลวงปู่ หลวงพ่อ คุณยายเจ้าขา ลูกอยู่กลางสนามรบแล้ว ลูกจะฝึกหัดขัดเกลาตนเอง ให้ได้เป็นทหารกล้าวีรบุรุษแห่งกองทัพธรรม เอาชนะข้าศึกจนได้เหรียญกล้าหาญเป็นรางวัลจากหลวงพ่อให้จงได้ ขอบุญ-บารมีทั้งหลายคุ้มครองลูกด้วยเถิด