วันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2556

Sharqiyah Sand & Camel of Oman

พี่ฝ้าย & น้องแก้ว
 
                                   พาเที่ยวโอมานของป้าที่ผ่านมา จะเป็นความสวยงามของทะเลซะเป็นส่วนใหญ่ จนแทบจะลืมไปเลยว่า โอมานเป็นประเทศทะเลทรายในตะวันออกกลาง พื้นที่ส่วนใหญ่ของเขาเป็นภูเขาหินและทะเลทราย นี่ป้าต้องอ้อนวอนพี่เล็กอยู่ตั้งนานกว่าจะได้ไปเห็นทะเลทรายของเขา ด้วยต้องรอจังหวะที่มีเวลาว่างพร้อมกันในช่วงฤดูหนาว ป้าได้ไปในเดือนกุมภาพันธ์ ถือว่าอากาศกำลังดี ไม่หนาวมากไม่ร้อนมาก ที่อยากไปทะเลทรายเพราะเคยเห็นภาพแต่ในหนัง ในโทรทัศน์ พอไปเห็นด้วยตนเองก็ตื่นเต้นที่เห็นทะเลทราย ทราย ทราย เวิ้งว้างสุดลูกหูลูกตาเป็นครั้งแรก  นอกจากทะเลทรายแล้วยังได้เจออูฐตัวเป็น ๆ ให้เห็นจริงๆ ด้วย ดังนั้น เมื่อจะเล่าเรื่องทะเลทรายก็จะแถมเรื่องอูฐของโอมานไปด้วย เพราะเป็นของที่เขาอยู่คู่กัน 
                         

                           โอมานเขามีพื้นที่ทั้งหมด 309,500 ตารางกิโลเมตร พื้นที่ 82% เป็นภูเขาหินและทะเลทราย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทะเลทรายในคาบสมุทรอาราเบีย มีชื่อเรียกว่า Rub al Khali เป็นดินแดนว่างเปล่ามนุษย์ไม่สามารถอาศัยอยู่ได้ ทะเลทรายนี้กว้างใหญ่ไพศาลมาก ได้รวมเอาดินแดนของหลายประเทศไว้ เช่น Saudi Arabia,Yemen,United Arab Emirates. สำหรับทะเลทรายส่วนที่เป็นดินแดนของประเทศโอมานนั้นอยู่ในรัฐ Al Sharqiyah เรียกว่า Wahiba Sand เป็นทะเลทรายขนาดใหญ่ คือ จากเหนือจรดใต้ยาวประมาณ 180 กิโลเมตร จากตะวันออกถึงตะวันตกความกว้างเฉลี่ย 80 กิโลเมตร เดิมเป็นที่อยู่อาศัยของเบดูอีน (Bedouin)ซึ่งเป็นชนพื้นเมืองเผ่าดั้งเดิมของชาวอาหรับ ที่ปรากฏหลักฐานว่าชนเผ่าเบดูอีนได้อพยพเร่ร่อนเข้ามาอาศัยในดินแดนแถบนี้ตั้งแต่ 5,000 ปีที่แล้ว แต่ปัจจุบันเบดูอีนรุ่นใหม่ ได้เข้ามาตั้งรกรากในเมือง ได้รับการศึกษาและทำมาหากินในเมืองต่าง ๆ ยังคงเหลือเร่ร่อนในทะเลทรายแบบดั้งเดิมอยู่เพียงเล็กน้อย
ชุมชนชาวเบดูอินกลางทะเลทราย Wahiba

                     หากเราจะไปเที่ยวทะเลทรายแบบไปกางเต้นท์นอนสัก 1 คืน ทดลองขี่อูฐ กินอาหารเย็นและชมการแสดงวัฒนธรรมของเบดูอีนแบบแคมป์ไฟ ก็สามารถซื้อแพคเกจทัวร์ได้ง่าย ค่าใช้จ่ายรวมหมดทุกอย่างประมาณ 80 รีลต่อคน ใครที่อยากตัดขาดจากโลกภายนอกก็จะได้ปลีกวิเวกสมใจอยาก เพราะที่นั่นจะไม่มีทีวี ไม่มีหนังสือพิมพ์ ไม่มีอินเทอร์เนต และไม่มีสัญญาณโทรศัพท์อีกด้วย
                        ส่วนการไปของป้านั้น ขับรถไปตามเส้นทางไปเมือง Surต่อไปตามเส้นทางสู่เมือง Ibra ระยะทางประมาณ 320 กิโลเมตร ถึงทางแยกเข้าสู่ Wahiba Sand แล้วใช้บริการของหนุ่มเบดูอีนนำทางไปชมความงามของ Sand dune และโฉบไปตามเต้นท์ต่าง ๆ ที่เบดูอีนเขาพักอาศัย และไปเยี่ยมลูกน้อยพึ่งคลอดของอูฐกลางทะเลทรายด้วย ได้เห็นรีสอร์ทที่เป็นเต้นท์กลางทะเลทรายชื่อว่า 1,001 nights Camp จึงทำให้นึกได้ว่าตำนาน " อาหรับราตรี หรือ พันหนึ่งราตรี" ก็มีต้นกำเนิดจากดินแดนทะเลทรายแห่งนี้เช่นกัน เล่ากันว่า ..เจ้าชายอาหรับคนนึง เมื่อจับได้ว่าชายาของตนมีชู้ ก็ฆ่าชายาและชู้รวมทั้งข้าทาสบริวารของชายาทิ้งหมด ด้วยความโกรธแค้นเมื่อได้หญิงใดมานอนด้วย รุ่งเช้าก็ประหารชีวิตเสีย แล้วสั่งให้หาหญิงใหม่มาหลับนอนแล้วฆ่าทิ้งเรื่อยไป จนถึงคิวนางเอกที่ทั้งสาว ทั้งสวย ทั้งฉลาด นามว่าคีตา เมื่อเสร็จภาระกิจกับเจ้าชายแล้ว นางก็จะเล่านิทานไปจนรุ่งเช้า นิทานก็ยังไม่จบเรื่อง นิทานที่นางเล่าก็จะสนุกสนาน ตื่นเต้น น่าติดตาม ทำให้เจ้าชายงดการประหารชีวิตเพื่อจะฟังนิทานตอนต่อไปในคืนวันรุ่งขึ้น สาวคีตาก็เล่านิทานไปทุก ๆ คืน โดยจะแทรกคติธรรมคำสอนให้เห็นคุณค่าของสตรีไปด้วย เล่านิทานไปเรื่อย ๆ จน ถึง 1001 คืน นิทานก็จบลงโดยไม่โดนประหารชีวิต เพราะเจ้าชายซาบซึ้งถึงคุณค่าของสตรีและหลงรักนางเอกซะแล้ว เรื่องเลย Happy Ending.
                

                                       เฮ้อ.. ไปซะไกล กลับมาเรื่องอูฐดีกว่า      อูฐของโอมาน เขามีหลายสายพันธุ์ด้วยกัน แต่ละสายพันธุ์ก็ยังคงมีลักษณะพิเศษเฉพาะคือ เขาจะมีโหนกกลางหลังเพียงโหนกเดียวซึ่งแตกต่างจากอูฐในจีนและที่อื่น ๆ ที่เขาจะมีโหนกกลางหลัง 2 โหนก เหมือนที่เราได้เห็นในหนังหรือในโทรทัศน์นั่นแหละ อูฐเป็นสัตว์เลี้ยงที่ไม่สวยเอาซะเลยในความเห็นของป้า ทั้งหลังโก่ง ตะปุ่มตะป่ำ ขาก็เก้งๆ ก้าง ๆ ท่าเดินก็กระโดกกระเดก เห็นอูฐทีไรต้องยิ้มทุกทีเพราะทำให้นึกไปถึง นางประแดะ นางเอกของพระมะเหลเถไถย ที่เขาบรรยายชมความงามของนางว่า
 "สูงระหงทรงเพรียวเรียวรูด       งามละม้ายคล้ายอูฐกะหลาป๋า  
พิศแต่หัวจรดเท้าขาวแต่ตา           สองปลั่งกัลยาดั่งลูกยอ"
                                    นางคงจะสวยแบบอูฐที่เห็นนี่แหละ

    

 ที่น่ารักของอูฐเขาก็มีนะ อูฐเขาดูเหมือนยิ้มตลอดเวลา ยิ้มแบบมีมิตรไมตรี ท่าทางไม่อวดดื้อถือดี ดูท่าทางเชื่องน่าไว้เนื้อเชื่อใจ



                                    ชาวโอมานเขาผูกพันกับอูฐมาตั้งแต่บรรพกาล     อูฐเป็นสัตว์เลี้ยงที่เป็นทั้งเพื่อน เป็นยานพาหนะ บรรทุกสินค้าสัมภาระในการท่องทะเลทราย และเป็นอาหารไปด้วยพร้อมสรรพ
                  นอกจากนี้เขายังฝึกอูฐสำหรับวิ่งแข่งขันกัน จนการแข่งวิ่งอูฐเป็นกีฬาประจำชาติของเขาด้วย ว่ากันว่าอูฐสายพันธุ์จากโอมาน จะเป็นนักวิ่งแข่งที่เก่งที่สุดในอาราเบียด้วย อูฐเป็นสัตว์ที่มีความสำคัญและมีคุณค่าทางจิตใจของคนโอมานมาก ป้าได้เคยเห็นคนโอมานเขาเอาใจใส่และรักอูฐของเขาขนาดอุ้มลูกอูฐให้อยู่ในรถ แล้วให้เมีย ๆ และผู้หญิงไปนั่งท้ายรถกะบะตากแดดร้อน ๆ แทนอูฐไปตลอดการเดินทาง เสียดายเก็บภาพมาฝากไม่ทัน



 เขาคงคิดว่า
"เมียเราทั้งเก่าทั้งแก่ จะมีค่ามีราคา   เท่าลูกอูฐตัวนึงก็หาไม่ "        
                      เห็นแล้วให้อดนึกขำไม่ได้จริง ๆ
                ดีแล้วนะที่เราได้เกิดเป็นไทย แม้จะเป็นผู้หญิงก็ยังพอมีสิทธิ์มีเสียงมีความเสมอภาคในความเป็นมนุษย์บ้าง  หากจะต้องเกิดใหม่ ได้เป็นผู้หญิงอีก  สาธุ...... ขออย่าได้เกิดเป็นผู้หญิงอาหรับเลย ไหนจะต้องร้อนระอุท่ามกลางทะเลทราย แล้วยังไม่มีค่า ไม่มีราคาเท่ากับอูฐตัวน้อย ๆ เลย  


1 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุณสำหรับบล็อกนะค่ะ จะเดินทางไปซาราร่าตอนเดือนเมษายนพอดีค่ะ

    ตอบลบ