เมื่อมีเหตุให้ต้องปิดศูนย์ปฏิบัติธรรมโอมานลงในเดือนมิถุนายน 2556 ที่ผ่านมา ทำให้เกิดข้อสงสัยขึ้นในกลุ่มคนไทยทั้งท่านที่เป็นเจ้าภาพที่เข้าวัดมาทำบุญเป็นประจำและที่ไม่เคยมาทำบุญมาก่อน ตลอดจนพุทธศาสนิกชนชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศโอมาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มพุทธชาวบังคลาเทศที่เป็นเจ้าภาพสนับสนุนวัดมาโดยตลอด อยากรู้เหตุผลที่แท้จริงของการที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมโอมานต้องปิดลง การที่ต้องชี้แจงเรื่องราวต่าง ๆ ให้กับเจ้าภาพแต่ละท่านนั้น ก็เหมือนกับการฉายหนังเรื่องเดิมซ้ำไปซ้ำมาและบางครั้งก็ไม่สามารถอธิบายให้เข้าใจได้โดยตลอด ด้วยการอธิบายด้วยปากเปล่าเท่าที่เวลาจะอำนวย ซึ่งอาจทำให้เข้าใจคลาดเคลื่อนไปได้อีก
จึงขอโอกาสนี้ชี้แจงให้ทุกท่านได้ทราบถึงความเป็นมาของวัดไทยในโอมาน ตลอดจนเหตุที่ทำให้ต้องปิดศูนย์ไว้เป็นลายลักษณ์อักษรมีหลักฐานชัดเจนแน่นอน และเพื่อความเข้าใจในแนวทางที่ถูกต้องตรงกัน อีกทั้งการบันทึกคำชี้แจงครั้งนี้ เป็นการบอกกล่าวในสิ่งที่ได้รู้ ได้เห็น ได้คิด ได้รู้สึก จากการได้อยู่ ได้ลงมือทำในขณะรับบุญที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมตลอดระยะเวลา 2 ปี กับอีก 5 เดือน
การเปิดศูนย์ปฏิบัติธรรมต่างประเทศในทุกภูมิภาคทั่วโลก เป็นแนวนโยบายของพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย ที่ต้องการเผยแพร่วิชชาธรรมกายไปทั่วโลก เปิดโอกาสให้ชาวพุทธที่กระจัดกระจายกันไปประกอบอาชีพ ตั้งถิ่นฐานยังต่างประเทศห่างไกลนั้น ได้มีบุญสถานและมีพระภิกษุเป็นเนื้อนาบุญ สำหรับการสั่งสมบุญให้กับตนเองและครอบครัว เพื่อบุญนั้นจะได้คุ้มครองให้พบความสุขจากภายในศูนย์กลางกาย พบแต่ความเจริญและช่วยป้องกันผองภัยทั้งปวง
เพื่อสนองนโยบายดังกล่าวพระอาจารย์อัษฎางค์ สิริปัญโญ เป็นผู้นำทีมเดินทางเพื่อมาหาช่องทางเปิดศูนย์ปฏิบัติธรรมที่โอมาน ติดตามด้วยอุบาสิกา รวิวรรณ มีช้างหรือคุณแดง คุณธีรภัทร พิชชาโชติรัตน์ (คุณอู๊ด)โดยการประสานงานของกัลยาณมิตรรัตนาวดี บุญประเสริฐ(คุณกบ)และกัลยาณมิตรโชติกา ธัมโชติกานต์(คุณติ๊ก) โดยได้เช่าบ้านเลขที่ 7966 บนถนนเลขที่ 3781 และเปิดให้พุทธศาสนิกชนมาทำบุญครั้งแรกในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2554 จึงถือเป็นวันสถาปนาศูนย์ปฏิบัติธรรมโอมานโดยมีพระภิกษุ 2 รูป คือ หลวงตากาญจน์ และพระสามารถ โกวิโท(หลวงตาแซม)เดินทางมาเป็นเนื้อนาบุญ เมื่อได้มีบุญใหญ่อีกครั้งหนึ่งในวันมาฆบูชาซึ่งตรงกับวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2554 ผู้เขียนจึงได้มารับบุญที่ศูนย์ฯตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
สถานที่ตั้งศูนย์ครั้งแรก Villa no.7966 Way no. 3781 |
เจ้าภาพที่มาทำบุญเป็นประจำนั้นประกอบด้วยชาวศรีลังกา ชาวบังคลาเทศและชาวไทยซึ่งมีจำนวนมากพอสมควร แต่ต่อมาชาวศรีลังกางดมาทำบุญที่ศูนย์ฯตามเจตนารมณ์ของสถานทูตศรีลังกาที่ต้องการให้ประชาชนของตนบำเพ็ญกิจทางศาสนาเฉพาะในบุญสถานที่ตั้งอยู่ในอาณาเขตของสถานทูตของตนเท่านั้น ส่วนชาวพุทธบังคลาเทศนั้นยังมาทำบุญอย่างสม่ำเสมอเช่นเดิม สำหรับเจ้าภาพชาวไทยบางส่วนต้องกลับประเทศไทยเนื่องจากมีปัญหาเกี่ยวกับกฏหมายการทำงานในประเทศโอมาน จำนวนเจ้าภาพชาวไทยจึงลดน้อยลง อย่างไรก็ตาม พณฯทูตวรวีร์ วีระสัมพันธ์ ท่านเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงมัสกัต ประเทศโอมานในเวลานั้นได้เชิญชวนชาวไทยมาร่วมทำบุญที่ศูนย์ปฏิบัติธรรม รวมทั้งได้แนะนำข้อควรปฏิบัติเพื่อให้เป็นไปตามกฏหมายของประเทศโอมานด้วย
พณฯทูตวรวีร์ วีระสัมพันธ์ ท่านเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงมัสกัต ประเทศโอมานในเวลานั้นได้เชิญชวนชาวไทยมาร่วมทำบุญที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมโอมาน |
บรรยากาศการประชุมภาคพื้นตะวันออกกลางประจำปี 2554 ณ ศูนย์ปฏิบัติธรรมโอมาน |
การเช่าสถานที่ในประเทศโอมานมีข้อจำกัดหลายเรื่องเช่น ผู้เช่าต้องมี ID.Card และบางแห่งต้องมีเช็คค้ำประกันการจ่ายเงินตลอดปี และค่าเช่าจะสูงมาก สำหรับสถานที่ที่จะเป็นศูนย์ปฏิบัติธรรมก็ต้องสัปปายะและค่าเช่าต้องไม่สูงนัก ซึ่งแม้จะยากลำบากและจำกัดด้วยระยะเวลาเพียงได สุดท้ายก็สามารถเช่าสถานที่ตั้งศูนย์ปฏิบัติธรรมแห่งใหม่ได้ โดยได้มีกัลยาณมิตรชลดา บุญศรีโรจน์ เป็นผู้ทำสัญญาเช่า สถานที่ดังกล่าวตั้งอยู่ในชุมชนที่สะอาด เงียบสงบ ลักษณะเป็นบ้านแฝด 2 ชั้น 4 ห้องนอน 5ห้องน้ำ มีห้องโถงที่สามารถเป็นห้องปฏิบัติธรรม มีเรือนคนใช้แยกส่วนต่างหาก เหมาะเป็นที่พักสำหรับอุบาสิกา ซึ่งผู้เขียนได้พักในส่วนนี้เพื่อความสะดวกในการรับบุญ นับว่าเป็นบุญสถานที่เหมาะสม สัปปายะและที่สำคัญค่าเช่าเพียงเดือนละ 600รีล เมื่อเทียบกับค่าเช่าสถานที่เดิมเดือนละ 950 รีล สามารถประหยัดได้เดือนละ 350รีล
ศูนย์ปฏิบัติธรรมโอมานแห่งใหม่ ตั้งอยู่ที่ Villa no.823 Way no.6312 Bousher |
เมื่อได้จัดเตรียมบ้านที่เช่าให้เป็นบุญสถานเรียบร้อยดีแล้ว จึงได้กราบอาราธนานิมนต์พระอาจารย์ชาญณรงค์ อุตตโม กลับมาพำนักที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมโอมานแห่งใหม่ในวันที่ 15 สิงหาคม 2554 เพื่อเป็นเนื้อนาบุญให้กับชาวพุทธในประเทศโอมานนับแต่นั้นเป็นต้นมา ศูนย์ได้จัดให้มีกิจกรรมประจำสัปดาห์ ประจำเดือน กิจกรรมวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา โดยเน้นเพื่อการรักษาวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของชาวพุทธ สร้างศรัทธาให้เกิดขึ้นกับผู้ที่ยังไม่ศรัทธา และผู้ที่ศรัทธาแล้วให้ศรัทธายิ่ง ๆ ขึ้น นอกจากงานรักษาศรัทธาเจ้าภาพแล้ว พระอาจารย์ยังได้เน้นถึงการเข้าถึงสันติสุขภายในโดยการฝึกสมาธิเบื้องต้นให้กับชาวต่างประเทศและผู้ที่สนใจ จนสามารถรวบรวมสาธุชนมาทำบุญ ทำทาน รักษาศีลและเจริญภาวนาได้เป็นปึกแผ่น สมเป็นบุญสถานอันเป็นที่พึ่งทางใจแก่พุทธศาสนิกชนที่อยู่ห่างไกลในต่างประเทศ
ศูนย์ปฏิบัติธรรมโอมานได้มีโอกาสเป็นเจ้าภาพจัดประชุมหัวหน้าศูนย์ในภาคพื้นตะวันออกกลางประจำปี 2555 อีกครั้งหนึ่งในระหว่างวันที่ 9 -12 พฤษภาคม 2555 โดยมีพระครูวินัยธรบัณฑิต วรปัญโญ ผู้อำนวยการสำนักต่างประเทศเป็นประธานในที่ประชุม พระรณภพ โชติลาโพ ผู้ดูแลงานภาคพื้นตะวันออกกลาง พระมหาสุจิตร จิตตสุโภ เจ้าอาวาสศูนย์ปฏิบัติธรรมดูไบ พระปุณยวีร์ ขนฺธวีโร เจ้าอาวาสศูนย์ปฏิบัติธรรมบาห์เรน พระชาญณรงค์ อุตตโม เจ้าอาวาสศูนย์ปฏิบัติธรรมโอมาน อุบาสิกา รวิวรรณ มีช้าง ประจำศูนย์ปฏิบัติธรรมจอร์แดน
มติที่สำคัญของการประชุมครั้งนี้ คือ ให้ศูนย์ที่มีความเข้มแข็งทางการเงินให้การสนับสนุนศูนย์ที่ยังขาดแคลน โดยให้ศูนย์ปฏิบัติธรรมจอร์แดนขอรับความช่วยเหลือจากศูนย์ปฏิบัติธรรมดูไบ และให้ศูนย์ปฏิบัติธรรมโอมานรับความช่วยเหลือจากศูนย์ปฏิบัติธรรมบาห์เรน ซึ่งพระปุณยวีร์ ก็ได้เมตตามอบปัจจัยจำนวน 5000 ดีนา ใว้เป็นทุนสำรองค่าใช้จ่ายในปี 2555
สำหรับการบริหารการเงินของศูนย์ฯนั้น ปัจจัยที่เจ้าภาพทำบุญมา พระอาจารย์เป็นผู้รับและลงบัญชีไว้โดยละเอียด ส่วนรายจ่ายนั้นท่านให้เจ้าหน้าที่ลงรายการจ่ายไว้ เพื่อท่านจะนำไปสรุปรายรับรายจ่ายประจำเดือนเพื่อนำเสนอรายงานการเงินต่อที่ประชุมภาคพื้นทุกครั้ง ซึ่งได้รับคำชื่นชมถึงความถูกต้อง ครบถ้วนมาโดยตลอด ในปี 2555 พระอาจารย์ได้จำพรรษาที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมโอมาน นับเป็นครั้งแรกที่โอมานมีพระอยู่จำพรรษา ยังความปลื้มปิติให้กับเจ้าภาพชาวบังคลาเทศ จึงได้พร้อมใจกันจัดเตรียมให้มีการทอดกฐินขึ้นเป็นครั้งแรก และเพื่อเฉลิมฉลองบุญใหญ่ในครั้งนี้ ได้มีเจ้าภาพ 2 ท่าน คือ Mr.Dipul Barua และ Mr.Seemo Barua ตัดสินใจบรรพชาเพื่อศึกษาสมณธรรมที่ศูนย์ฯและเพื่อร่วมในงานทอดกฐินครั้งประวัติศาตร์นี้ ด้วยงานสำคัญครั้งนี้ทำให้พระอาจารย์รณภพและพระอาจารย์ชาญณรงค์ ไม่ได้เข้าร่วมประชุมภาคพื้นที่กำหนดจัดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2555 ณ South Africa
งานบรรพชาครั้งแรก ครั้งประวัติศาสตร์ของชาวพุทธในโอมาน มีขึ้นในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2556 |
และหลังจากที่พระอาจารย์รณภพ เดินทางกลับวัดพระธรรมกายแล้ว จึงได้แจ้งให้พระอาจารย์ชาญณรงค์ทราบว่า ที่ประชุมได้พิจารณาถึงการจะต้องปิดศูนย์ฯโอมาน ส่วนรายละเอียดให้รับฟังจากท่านผอ.โดยตรง แต่เมื่อพระอาจารย์ชาญณรงค์เดินทางกลับวัดพระธรรมกายในช่วงเดือนธันวาคม 2555 ท่านผู้อำนวยการสำนักต่างประเทศไม่ได้กล่าวถึงการปิดศูนย์ปฏิบัติธรรมโอมานแต่อย่างใด
เรื่องการปิดศูนย์ฯได้มีการหารือกันอีกครั้งหนึ่ง เมื่อพระอาจารย์ชาญณรงค์ เดินทางไปเป็นกรรมการการสอบธรรมสนามหลวงที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมบาห์เรนในช่วงต้นเดือนเมษายน 2556 พระอาจารย์รณภพ ได้แจ้งให้พระอาจารย์ชาญณรงค์ทราบถึงสาเหตุที่มีดำริให้ปิดศูนย์นั้น เนื่องจากศูนย์มีรายได้ไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายเป็นเหตุผลหลัก และอาจจะเนื่องจากพระอาจารย์ต้องพำนักที่ศูนย์ตามลำพังสองต่อสองกับเจ้าหน้าที่ที่เป็นผู้หญิงด้วย ซึ่งศูนย์จะต้องปิดลงหรือไม่ต้องรอฟังคำชี้แจงและพิจารณารายงานการเงินของศูนย์และรอฟังจากมติที่ประชุมภาคพื้นฯที่จะมีขึ้นในวันที่ 16 พฤษภาคม 2556 นี้ ในที่ประชุมภาคพื้นในครั้งนั้น พระอาจารย์ได้รายงานถึงสถานการณ์การเงินของศูนย์ฯจนเป็นที่พอใจ ส่วนปัญหาที่ต้องมีเจ้าหน้าที่ผู้หญิงลำพังคนเดียวนั้น ที่ประชุมเห็นควรให้อาราธนานิมนต์พระคมสัน ให้มาอยู่ประจำที่ศูนย์โอมานอีกรูปหนึ่ง ประกอบกับกิจกรรมที่ศุนย์ฯจัดให้มีขึ้นก็ยังประโยชน์ให้กับสาธุชนได้เป็นอย่างดี ที่ประชุมจึงไม่ได้มีมติให้ปิดศูนย์แต่อย่างใด อีกทั้งพระอาจารย์ยังได้รับการถวายพัดรองในตำแหน่งเจ้าอาวาสศูนย์ปฏิบัติธรรมโอมานจากมหาเถรสมาคมและรัฐสภาไทย พร้อมนี้ยังได้เสนอชื่อให้พระอาจารย์เป็นพระธรรมทูตถือพาสปอร์ตของทางราชการ ทำหน้าที่เผยแพร่พระพุทธศาสนาไปทั่วโลกในการประชุมครั้งนี้ อีกด้วย
รับพัดรองในตำแหน่งเจ้าอาวาสของศูนย์ในภาคพื้นตะวันออกกลาง |
พระอาจารย์ได้ชี้แจงว่ายังไม่เคยได้รับคำสั่งให้ปิดศูนย์ ตอนนี้ต้องรอการพิจารณาจากที่ประชุมก่อน หากทุกฝ่ายพิจารณาเห็นควรปิด ท่านก็พร้อมดำเนินการตามนั้น หลังจากนั้นพระอาจารย์ก็ได้เดินทางไปประชุมภาคพื้นตะวันออกกลางประจำปี 2556 ที่จัดขึ้นที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมบาห์เรนซึ่งผลการประชุมไม่ได้มีมติให้ปิดศูนย์แต่อย่างใด
เมื่อที่ประชุมไม่มีมติให้ปิดศูนย์ ทำให้คุณอู๊ดคาดไม่ถึง สิ่งที่ทำได้ก็คือการรายงานการทำงานของตนให้ ผอ.ทราบ จะรายงานไปอย่างไรไม่อาจรู้ได้ เพราะเมื่อพระอาจารย์ต้องกลับประเทศไทยเพื่อทำพาสปอร์ตธรรมทูตของทางราชการ พระอาจารย์ได้แจ้งให้ผู้เขียน(ซึ่งขณะนั้นอยู่บ้านที่กรุงเทพ เพราะวีซ่าหมดเวลา)ทราบว่า ผอ.ขอให้ปิดศูนย์ไปก่อน ดังนั้นก่อนกลับมาที่โอมาน จึงได้กราบเรียนถามพระรณภพถึงแนวทางปฏิบัติเมื่อต้องกลับมาที่ศูนย์ ฯ พร้อมกับได้กราบเรียนท่านว่าสัญญาเช่าบ้านนั้น น้องเล็ก (ชลดา บุญศรีโรจน์) เป็นผู้ทำสัญญาเช่า และสัญญาจะสิ้นสุดในวันที่ 15 สิงหาคม ส่วนค่าเช่าได้จ่ายล่วงหน้าถึง 15 มิถุนายน เท่านั้น ท่านให้แนวทางว่า ให้เราบอกเลิกเช่าบ้านก่อนหมดสัญญาและขอจ่ายค่าเช่าในเดือนกรกฎาคม เพื่อจะได้มีเวลาสำหรับการขนย้ายสัมภาระ ซึ่งได้รับปากกับท่านที่จะมาต่อรองกับเจ้าของบ้าน ส่วนผลการต่อรองเป็นอย่างไรจะแจ้งให้ท่านทราบโดยตรง สำหรับเรื่องรถที่จดทะเบียนในชื่อของอ้อม(ชาลินี ฟิชเชอร์) ท่านให้ขายและนำเงินมาถวายไว้ทีท่าน ด้วยขณะนี้ ท่านรับผิดชอบดูแลปัจจัยของศูนย์อยู่ ส่วนการขนย้ายสัมภาระที่คุณอู๊ดขออาสาทำเองนั้น ให้ปล่อยให้เขาทำ เราเพียงแต่คอยดูแลไม่ให้บ้านเช่าต้องเสียหาย ซึ่งในขณะนั้น คุณอู๊ดอยู่ที่ศูนย์เพียงผู้เดียว
เมื่อกลับจากประเทศไทยมาถึงศูนย์ฯโอมาน ปรากฏว่าคุณอู๊ดยึดกุญแจบ้าน อ้างว่าตนเป็นผู้ดูแลจัดการเรื่องปิดศูนย์ทั้งหมด ห้ามผู้เขียนเข้าบ้าน แต่อนุญาติให้เข้าไปเก็บสัมภาระเช่นหนังสือ แว่นตา ยา ของพระอาจารย์ได้เท่านั้น เมื่อกราบเรียนถามพระอาจารย์ว่าควรทำอย่างไรดี ท่านได้แนะว่า เรื่องที่ลูก ๆ ต้องรับผิดชอบอยู่ โดยเฉพาะเรื่องรถให้รีบถ่ายโอนความรับผิดชอบไป ส่วนเรื่องเงินเขาจะขายรถได้เท่าใด หรือ ใช้จ่ายอย่างไรเป็นเรื่องที่เขาต้องรับผิดชอบเอง เพราะขณะนี้พระอาจารย์ก็ได้โอนความรับผิดชอบเรื่องเงินของศูนย์ให้กับพระรณภพแล้ว
เมื่อทราบดังนั้นแล้ว จึงตกลงใจปล่อยให้คุณอู๊ดเขาเป็นผู้จัดการทั้งหมด เรื่องขายรถ อ้อม(ชาลินี ฟิชเชอร์) ก็ได้นัดหมายให้ผู้ซื้อมารับโอนไปได้ในทันที และปรากฏว่าเขาได้นำคุณราม บุุบผาวาสน์ ซึ่งเป็นเจ้าภาพของศูนย์ผู้หนึ่งมารับโอนในฐานะผู้ซื้อ ซึ่งได้โอนสิทธิ์กันไปเรียบร้อยตั้งแต่วันที่ 17มิถุนายน ต่อมาได้ทราบในภายหลังว่า ไม่ได้ซื้อขายกันอย่างแท้จริง เป็นเพียงการโอนไว้เพื่อฝากให้คุณรามขายให้อีกต่อหนึ่งเท่านั้น
โอนรถให้คุณราม บุบผาวาสน์ |
ส่วนเรื่องบ้าน ก็ได้ขอยกเลิกการเช่าก่อนสิ้นสุดสัญญา โดยขอจ่ายค่าเช่าต่ออีก 1 เดือนคือถึงวันที่ 15 กรกฎาคม ซึ่งสัญญาตามกฏหมายแล้วจะต้องบอกเลิกสัญญาก่อนล่วงหน้า 3 เดือน แต่ได้บอกถึงความจำเป็นขอความเห็นใจกระทั่งเจ้าของบ้านยินยอมตามที่ร้องขอ แต่ขอเพียงเข้าตรวจความเรียบร้อยของบ้านในวันที่ 23 มิถุนายน เมื่อเห็นว่าการตกลงอยู่ในวิสัยจะทำได้จึงได้แจ้งให้คุณอู๊ดทราบว่าเราต้องขนย้ายให้เสร็จก่อนวันที่ 23 และในวันนัดหมายได้แจ้งขอให้คุณอู๊ดส่งคืนกุญแจที่ยึดไว้ เพื่อให้เจ้าของบ้านได้ตรวจความเรียบร้อย ปรากฏว่าคุณอู๊ดไม่ยอมคืนกุญแจและยังได้นำกุญแจกลับไปประเทศไทยในวันนั้นนั่นเอง
จะโดยตั้งใจกลั่นแกล้งหรือไม่ก็ตาม การกระทำครั้งนี้ทำให้เจ้าของบ้านไม่สามารถตรวจความเรียบร้อยของบ้านเช่าได้ตามนัดหมาย และเขาก็ไม่เข้าใจว่า เมื่อคุณ(หมายถึงน้องเล็ก)คือผู้เช่าทำไมเข้าบ้านไม่ได้ ทำไมมอบกุญแจสำคัญไว้กับผู้อื่น ทำให้เราต้องหาทางชี้แจงไปต่าง ๆ นาๆ จนเขายอมที่จะมาตรวจอีกครั้งหนึ่งในอีก 1 สัปดาห์ถัดมา ซึ่งหากเราไม่สามารถเคลียให้เรียบร้อยอีก เขาก็ขอให้เป็นไปตามกฏหมายคือต้องจ่ายค่าปรับ 1 เดือน เป็นการกระทำที่ตั้งใจให้เกิดความเดือดร้อนและเสียหาย
กิจกรรมงานบุญครั้งสุดท้าย ก่อนที่ศูนย์จะต้องปิดลง สาธุชนได้ร่วมในพิธีมุฑิตาพระอาจารย์ชาญณรงค์ อุตตโม ในโอกาสที่ได้รับการถวายพัดรองในตำแหน่งเจ้าอาวาส และร่วมบุญเนื่องในวันวิสาขบูชา ศรัทธาสาธุชนได้เพิ่มขึ้นอย่างล้นหลาม แต่ศูนย์ต้องปิดลงเพียงเพราะพระอาจารย์ยึดหลักประหยัด อดออม ไม่ยอมให้มีเจ้าหน้าที่มาช่วยงานเพิ่ม เพราะต้องเพิ่มค่าใช้จ่ายอีกมาก ยอมมีเจ้าหน้าที่เพียงคนเดียว และคนเดียวนั้นเป็นป้าต๋อยแก่ ๆ ที่ไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายมากนัก คนเดียวก็ช่วยงานได้ราบรื่นทุกอย่าง เท่านั้นหรือ ที่ต้องอยู่ลำพังกับโยมผู้หญิงบ้างในบางเวลานั้น ก็ไม่ใช่ความผิดของพระอาจารย์ เพราะทุกครั้งที่ประชุมก็ทราบปัญหา พระอาจารย์ก็ขอให้จัดสรรพระภิกษุให้มาประจำที่ศูนย์โอมานอย่างน้อย 2 รูปทุกครั้งที่มีการประชุม สมณกิจต่าง ๆ พระอาจารย์ท่านก็ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ หาข้อบกพร่องท่านไม่ได้ แล้วยังจะปิด ปิดเพราะอะไร ปิดทำไม ปิดเพื่อใคร ผู้เขียนก็ยังไม่ได้รับคำตอบที่มีเหตุผลเพียงพอเลยจนกระทั่งบัดนี้
แต่อย่างไรก็ตาม บัดนี้ศูนย์ปฏิบัติธรรมโอมาน หรือวัดของเรา วัดที่เจ้าภาพทั้งหลายให้การสนับสนุนต้องปิดลงแล้ว หมดโอกาสในการสั่งสมบุญของชาวพุทธในโอมาน ผู้เขียนก็หมดโอกาสรับบุญในวัดไทยในโอมานเช่นกัน แต่ตลอด2ปีกว่าที่ได้สร้างบุญด้วยกัน ณ สถานที่แห่งนี้ ก็จะเป็นบุญที่ตรึกระลึกถึงได้ไปจวบวันตาย ขอกราบขอบพระคุณเจ้าภาพทุกท่านที่เมตตาให้การร่วมมือในการจัดกิจกรรมงานบุญต่าง ๆ มาด้วยดีโดยตลอด กราบอนุโมทนาบุญทุกบุญกับทุกท่านด้วย และหากบทความนี้พาดพิงถึงท่านใดในเรื่องที่คลาดเคลื่อนจากความจริง ขอได้โปรดแจ้งให้ทราบเพื่อแก้ไขให้ผู้อ่านเข้าใจได้ถูกต้องด้วย เพราะที่บันทึกไว้นี้ คือสิ่งที่ได้รู้ ได้เห็นจริงในมุมมองของผู้เขียนเท่านั้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น