วันพฤหัสบดีที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2556

Insight Wat Thai in Oman

         


                เมื่อมีเหตุให้ต้องปิดศูนย์ปฏิบัติธรรมโอมานลงในเดือนมิถุนายน  2556  ที่ผ่านมา   ทำให้เกิดข้อสงสัยขึ้นในกลุ่มคนไทยทั้งท่านที่เป็นเจ้าภาพที่เข้าวัดมาทำบุญเป็นประจำและที่ไม่เคยมาทำบุญมาก่อน ตลอดจนพุทธศาสนิกชนชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศโอมาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มพุทธชาวบังคลาเทศที่เป็นเจ้าภาพสนับสนุนวัดมาโดยตลอด อยากรู้เหตุผลที่แท้จริงของการที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมโอมานต้องปิดลง การที่ต้องชี้แจงเรื่องราวต่าง ๆ ให้กับเจ้าภาพแต่ละท่านนั้น ก็เหมือนกับการฉายหนังเรื่องเดิมซ้ำไปซ้ำมาและบางครั้งก็ไม่สามารถอธิบายให้เข้าใจได้โดยตลอด ด้วยการอธิบายด้วยปากเปล่าเท่าที่เวลาจะอำนวย ซึ่งอาจทำให้เข้าใจคลาดเคลื่อนไปได้อีก
               จึงขอโอกาสนี้ชี้แจงให้ทุกท่านได้ทราบถึงความเป็นมาของวัดไทยในโอมาน ตลอดจนเหตุที่ทำให้ต้องปิดศูนย์ไว้เป็นลายลักษณ์อักษรมีหลักฐานชัดเจนแน่นอน และเพื่อความเข้าใจในแนวทางที่ถูกต้องตรงกัน อีกทั้งการบันทึกคำชี้แจงครั้งนี้ เป็นการบอกกล่าวในสิ่งที่ได้รู้ ได้เห็น ได้คิด ได้รู้สึก จากการได้อยู่ ได้ลงมือทำในขณะรับบุญที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมตลอดระยะเวลา  2 ปี กับอีก 5 เดือน
              การเปิดศูนย์ปฏิบัติธรรมต่างประเทศในทุกภูมิภาคทั่วโลก เป็นแนวนโยบายของพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย ที่ต้องการเผยแพร่วิชชาธรรมกายไปทั่วโลก เปิดโอกาสให้ชาวพุทธที่กระจัดกระจายกันไปประกอบอาชีพ ตั้งถิ่นฐานยังต่างประเทศห่างไกลนั้น ได้มีบุญสถานและมีพระภิกษุเป็นเนื้อนาบุญ สำหรับการสั่งสมบุญให้กับตนเองและครอบครัว เพื่อบุญนั้นจะได้คุ้มครองให้พบความสุขจากภายในศูนย์กลางกาย พบแต่ความเจริญและช่วยป้องกันผองภัยทั้งปวง
               เพื่อสนองนโยบายดังกล่าวพระอาจารย์อัษฎางค์ สิริปัญโญ  เป็นผู้นำทีมเดินทางเพื่อมาหาช่องทางเปิดศูนย์ปฏิบัติธรรมที่โอมาน ติดตามด้วยอุบาสิกา รวิวรรณ มีช้างหรือคุณแดง  คุณธีรภัทร พิชชาโชติรัตน์ (คุณอู๊ด)โดยการประสานงานของกัลยาณมิตรรัตนาวดี บุญประเสริฐ(คุณกบ)และกัลยาณมิตรโชติกา ธัมโชติกานต์(คุณติ๊ก) โดยได้เช่าบ้านเลขที่ 7966 บนถนนเลขที่  3781  และเปิดให้พุทธศาสนิกชนมาทำบุญครั้งแรกในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2554 จึงถือเป็นวันสถาปนาศูนย์ปฏิบัติธรรมโอมานโดยมีพระภิกษุ 2 รูป คือ หลวงตากาญจน์ และพระสามารถ โกวิโท(หลวงตาแซม)เดินทางมาเป็นเนื้อนาบุญ เมื่อได้มีบุญใหญ่อีกครั้งหนึ่งในวันมาฆบูชาซึ่งตรงกับวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2554  ผู้เขียนจึงได้มารับบุญที่ศูนย์ฯตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
สถานที่ตั้งศูนย์ครั้งแรก Villa no.7966 Way no. 3781

                  เจ้าภาพที่มาทำบุญเป็นประจำนั้นประกอบด้วยชาวศรีลังกา ชาวบังคลาเทศและชาวไทยซึ่งมีจำนวนมากพอสมควร แต่ต่อมาชาวศรีลังกางดมาทำบุญที่ศูนย์ฯตามเจตนารมณ์ของสถานทูตศรีลังกาที่ต้องการให้ประชาชนของตนบำเพ็ญกิจทางศาสนาเฉพาะในบุญสถานที่ตั้งอยู่ในอาณาเขตของสถานทูตของตนเท่านั้น ส่วนชาวพุทธบังคลาเทศนั้นยังมาทำบุญอย่างสม่ำเสมอเช่นเดิม สำหรับเจ้าภาพชาวไทยบางส่วนต้องกลับประเทศไทยเนื่องจากมีปัญหาเกี่ยวกับกฏหมายการทำงานในประเทศโอมาน จำนวนเจ้าภาพชาวไทยจึงลดน้อยลง อย่างไรก็ตาม พณฯทูตวรวีร์ วีระสัมพันธ์ ท่านเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงมัสกัต ประเทศโอมานในเวลานั้นได้เชิญชวนชาวไทยมาร่วมทำบุญที่ศูนย์ปฏิบัติธรรม รวมทั้งได้แนะนำข้อควรปฏิบัติเพื่อให้เป็นไปตามกฏหมายของประเทศโอมานด้วย 

พณฯทูตวรวีร์ วีระสัมพันธ์ ท่านเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงมัสกัต ประเทศโอมานในเวลานั้นได้เชิญชวนชาวไทยมาร่วมทำบุญที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมโอมาน
                     เมื่อการสถาปนาศูนย์ปฏิบัติธรรมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ศูนย์ฯได้เป็นเจ้าภาพจัดประชุมประจำปีภาคพื้นตะวันออกกลาง ซึ่งจัดให้มีขึ้นในวันที่ 5 พฤษภาคม 2554 โดยมีพระครูวินัยธรบัณฑิต วรปัญโญ ผู้อำนวยการสำนักต่างประเทศเป็นประธานการประชุม ติดตามด้วยพระอาจารย์ศิเวษฐ จารุธมฺโม ผู้เข้าประชุมได้แก่ พระมหาสุจิตร จิตตสุโภ เจ้าอาวาสศูนย์ปฏิบัติธรรมดูไบ พระปุณยวีร์ ขนฺธวีโร เจ้าอาวาสศูนย์ปฏิบัติธรรมบาห์เรน และ   พระชาญณรงค์ อุตตโม ผู้แทนของศูนย์ปฏิบัติธรรมโอมาน ส่วนฆราวาสที่เข้าประชุมประกอบด้วย อุบาสิกา รวิวรรณ มีช้าง (คุณแดง)ประจำศูนย์ปฏิบัติธรรมจอร์แดน อุบาสิกานารี คงปาน (คุณกิ๊ก) จากศูนย์ปฏิบัติธรรมดูไบ และอุบาสกศราวุฒิ ล่อดงบัง (คุณเดี่ยว) การประชุมครั้งนี้ได้มีมติให้พระอาจารย์ชาญณรงค์ อุตตโม  รักษาการเจ้าอาวาสศูนย์ปฏิบัติธรรมโอมาน  และมีมติอนุญาต ให้นางเบญจนี   บุญศรีโรจน์ รับบุญเป็นเจ้าหน้าที่ศูนย์ฯ (Local staff) ไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ในองค์กรของวัดพระธรรมกายแต่อย่างใด  การเป็นเจ้าหน้าที่ศูนย์ฯในขณะที่เจ้าหน้าที่ประจำในองค์กรสลับกันมาเพียงบางครั้ง ทำให้ต้องทำหน้าที่ที่จำเป็นทุกอย่างตั้งแต่ดูแลทำความสะอาด ขับรถ ดูแลเรื่องภัตตาหารถวายพระอาจารย์ ต้อนรับเจ้าภาพ จัดเตรียมพิธีกรรมเป็นพิธีกรในพิธีบุญต่าง ๆ แม้งานบางอย่างจะไม่เคยทำและไม่ถนัดจัดเจนก็ได้พยายามฝึกฝนเรียนรู้และพยายามทำให้ดีที่สุดอย่างเต็มความสามารถ


บรรยากาศการประชุมภาคพื้นตะวันออกกลางประจำปี 2554 ณ ศูนย์ปฏิบัติธรรมโอมาน

                         ต่อมาเมื่อถึงวันที่ 22 กรกฎาคม 2554 เจ้าของบ้านเช่าไม่อนุญาตให้ใช้บ้านเช่าเป็นศูนย์ปฏิบัติธรรม และไม่อนุญาตให้มีพระภิกษุพำนักอาศัยในบ้าน โดยให้ย้ายสัมภาระออกจากบ้านภายใน 2 วัน ทำให้ต้องกราบนิมนต์พระอาจารย์ทั้งสองรูปคือพระชาญณรงค์ อุตตโม และพระสามารถ โกวิโท ไปพำนักเป็นการชั่วคราวที่บ้านของกัลยาณมิตรชาลินี ฟิชเชอร์ ก่อนที่จะได้เดินทางไปพำนักที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมบาห์เรน จากสถานการณ์ครั้งนี้ พระอาจารย์ชาญณรงค์ได้มีข้อหารือกับท่านผู้อำนวยการสำนักต่างประเทศว่าควรให้คงมีศูนย์ปฏิบัติธรรมโอมานต่อไปหรือให้ปิด ซึ่งได้รับคำชี้แจงว่าการปิดศูนย์จะต้องมีการหารือกันหลายฝ่าย ในเวลานี้เห็นว่าควรให้คงมีศูนย์อยู่ต่อไป  จากคำสั่งดังกล่าว ทำให้ต้องเร่งรีบหาเช่าสถานที่เพื่อเปิดเป็นศูนย์ปฏิบัติธรรมโอมานให้ได้ต่อไป  อีกทั้งต้องหาเจ้าภาพรับบุญรับฝากสัมภาระต่าง ๆ ของศูนย์ไว้ในระหว่างการหาสถานที่แห่งใหม่ด้วย ซึ่งเจ้าของบุญนี้คือกัลยาณมิตรสุภาภรณ์ โพธิ์แห้ว (เมจิ) เจ้าของภัตตาคารเมจิ-อร่อยไทย  การดำเนินงานในครั้งนี้ไม่มีเจ้าหน้าที่ในองค์กรผู้ใดเดินทางมาให้ความช่วยเหลือ แม้พระอาจารย์ก็ต้องสั่งงานผ่านทาง Internet เพราะในขณะนั้นท่านต้องไปพำนักอยู่ที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมบาห์เรน
                          การเช่าสถานที่ในประเทศโอมานมีข้อจำกัดหลายเรื่องเช่น ผู้เช่าต้องมี ID.Card และบางแห่งต้องมีเช็คค้ำประกันการจ่ายเงินตลอดปี และค่าเช่าจะสูงมาก สำหรับสถานที่ที่จะเป็นศูนย์ปฏิบัติธรรมก็ต้องสัปปายะและค่าเช่าต้องไม่สูงนัก ซึ่งแม้จะยากลำบากและจำกัดด้วยระยะเวลาเพียงได         สุดท้ายก็สามารถเช่าสถานที่ตั้งศูนย์ปฏิบัติธรรมแห่งใหม่ได้ โดยได้มีกัลยาณมิตรชลดา บุญศรีโรจน์ เป็นผู้ทำสัญญาเช่า สถานที่ดังกล่าวตั้งอยู่ในชุมชนที่สะอาด เงียบสงบ ลักษณะเป็นบ้านแฝด 2 ชั้น 4 ห้องนอน 5ห้องน้ำ มีห้องโถงที่สามารถเป็นห้องปฏิบัติธรรม มีเรือนคนใช้แยกส่วนต่างหาก เหมาะเป็นที่พักสำหรับอุบาสิกา ซึ่งผู้เขียนได้พักในส่วนนี้เพื่อความสะดวกในการรับบุญ นับว่าเป็นบุญสถานที่เหมาะสม สัปปายะและที่สำคัญค่าเช่าเพียงเดือนละ 600รีล เมื่อเทียบกับค่าเช่าสถานที่เดิมเดือนละ 950 รีล สามารถประหยัดได้เดือนละ 350รีล

ศูนย์ปฏิบัติธรรมโอมานแห่งใหม่ ตั้งอยู่ที่ Villa no.823 Way no.6312 Bousher

                            เมื่อได้จัดเตรียมบ้านที่เช่าให้เป็นบุญสถานเรียบร้อยดีแล้ว จึงได้กราบอาราธนานิมนต์พระอาจารย์ชาญณรงค์ อุตตโม กลับมาพำนักที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมโอมานแห่งใหม่ในวันที่ 15 สิงหาคม 2554 เพื่อเป็นเนื้อนาบุญให้กับชาวพุทธในประเทศโอมานนับแต่นั้นเป็นต้นมา ศูนย์ได้จัดให้มีกิจกรรมประจำสัปดาห์ ประจำเดือน กิจกรรมวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา โดยเน้นเพื่อการรักษาวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของชาวพุทธ สร้างศรัทธาให้เกิดขึ้นกับผู้ที่ยังไม่ศรัทธา และผู้ที่ศรัทธาแล้วให้ศรัทธายิ่ง ๆ ขึ้น นอกจากงานรักษาศรัทธาเจ้าภาพแล้ว พระอาจารย์ยังได้เน้นถึงการเข้าถึงสันติสุขภายในโดยการฝึกสมาธิเบื้องต้นให้กับชาวต่างประเทศและผู้ที่สนใจ จนสามารถรวบรวมสาธุชนมาทำบุญ ทำทาน รักษาศีลและเจริญภาวนาได้เป็นปึกแผ่น สมเป็นบุญสถานอันเป็นที่พึ่งทางใจแก่พุทธศาสนิกชนที่อยู่ห่างไกลในต่างประเทศ
                            ศูนย์ปฏิบัติธรรมโอมานได้มีโอกาสเป็นเจ้าภาพจัดประชุมหัวหน้าศูนย์ในภาคพื้นตะวันออกกลางประจำปี 2555 อีกครั้งหนึ่งในระหว่างวันที่ 9 -12 พฤษภาคม 2555 โดยมีพระครูวินัยธรบัณฑิต วรปัญโญ ผู้อำนวยการสำนักต่างประเทศเป็นประธานในที่ประชุม พระรณภพ โชติลาโพ ผู้ดูแลงานภาคพื้นตะวันออกกลาง พระมหาสุจิตร จิตตสุโภ เจ้าอาวาสศูนย์ปฏิบัติธรรมดูไบ พระปุณยวีร์  ขนฺธวีโร เจ้าอาวาสศูนย์ปฏิบัติธรรมบาห์เรน พระชาญณรงค์ อุตตโม เจ้าอาวาสศูนย์ปฏิบัติธรรมโอมาน อุบาสิกา รวิวรรณ มีช้าง ประจำศูนย์ปฏิบัติธรรมจอร์แดน

                              
                  มติที่สำคัญของการประชุมครั้งนี้ คือ ให้ศูนย์ที่มีความเข้มแข็งทางการเงินให้การสนับสนุนศูนย์ที่ยังขาดแคลน โดยให้ศูนย์ปฏิบัติธรรมจอร์แดนขอรับความช่วยเหลือจากศูนย์ปฏิบัติธรรมดูไบ และให้ศูนย์ปฏิบัติธรรมโอมานรับความช่วยเหลือจากศูนย์ปฏิบัติธรรมบาห์เรน ซึ่งพระปุณยวีร์  ก็ได้เมตตามอบปัจจัยจำนวน 5000 ดีนา ใว้เป็นทุนสำรองค่าใช้จ่ายในปี 2555
                  สำหรับการบริหารการเงินของศูนย์ฯนั้น  ปัจจัยที่เจ้าภาพทำบุญมา พระอาจารย์เป็นผู้รับและลงบัญชีไว้โดยละเอียด ส่วนรายจ่ายนั้นท่านให้เจ้าหน้าที่ลงรายการจ่ายไว้ เพื่อท่านจะนำไปสรุปรายรับรายจ่ายประจำเดือนเพื่อนำเสนอรายงานการเงินต่อที่ประชุมภาคพื้นทุกครั้ง ซึ่งได้รับคำชื่นชมถึงความถูกต้อง ครบถ้วนมาโดยตลอด

                       ในปี 2555 พระอาจารย์ได้จำพรรษาที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมโอมาน นับเป็นครั้งแรกที่โอมานมีพระอยู่จำพรรษา ยังความปลื้มปิติให้กับเจ้าภาพชาวบังคลาเทศ จึงได้พร้อมใจกันจัดเตรียมให้มีการทอดกฐินขึ้นเป็นครั้งแรก และเพื่อเฉลิมฉลองบุญใหญ่ในครั้งนี้ ได้มีเจ้าภาพ 2 ท่าน คือ Mr.Dipul Barua และ Mr.Seemo Barua ตัดสินใจบรรพชาเพื่อศึกษาสมณธรรมที่ศูนย์ฯและเพื่อร่วมในงานทอดกฐินครั้งประวัติศาตร์นี้ ด้วยงานสำคัญครั้งนี้ทำให้พระอาจารย์รณภพและพระอาจารย์ชาญณรงค์ ไม่ได้เข้าร่วมประชุมภาคพื้นที่กำหนดจัดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2555 ณ South Africa
งานบรรพชาครั้งแรก ครั้งประวัติศาสตร์ของชาวพุทธในโอมาน มีขึ้นในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2556


                และหลังจากที่พระอาจารย์รณภพ เดินทางกลับวัดพระธรรมกายแล้ว จึงได้แจ้งให้พระอาจารย์ชาญณรงค์ทราบว่า ที่ประชุมได้พิจารณาถึงการจะต้องปิดศูนย์ฯโอมาน ส่วนรายละเอียดให้รับฟังจากท่านผอ.โดยตรง แต่เมื่อพระอาจารย์ชาญณรงค์เดินทางกลับวัดพระธรรมกายในช่วงเดือนธันวาคม 2555  ท่านผู้อำนวยการสำนักต่างประเทศไม่ได้กล่าวถึงการปิดศูนย์ปฏิบัติธรรมโอมานแต่อย่างใด
                         เรื่องการปิดศูนย์ฯได้มีการหารือกันอีกครั้งหนึ่ง เมื่อพระอาจารย์ชาญณรงค์ เดินทางไปเป็นกรรมการการสอบธรรมสนามหลวงที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมบาห์เรนในช่วงต้นเดือนเมษายน 2556          พระอาจารย์รณภพ ได้แจ้งให้พระอาจารย์ชาญณรงค์ทราบถึงสาเหตุที่มีดำริให้ปิดศูนย์นั้น เนื่องจากศูนย์มีรายได้ไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายเป็นเหตุผลหลัก และอาจจะเนื่องจากพระอาจารย์ต้องพำนักที่ศูนย์ตามลำพังสองต่อสองกับเจ้าหน้าที่ที่เป็นผู้หญิงด้วย ซึ่งศูนย์จะต้องปิดลงหรือไม่ต้องรอฟังคำชี้แจงและพิจารณารายงานการเงินของศูนย์และรอฟังจากมติที่ประชุมภาคพื้นฯที่จะมีขึ้นในวันที่ 16 พฤษภาคม 2556 นี้  ในที่ประชุมภาคพื้นในครั้งนั้น พระอาจารย์ได้รายงานถึงสถานการณ์การเงินของศูนย์ฯจนเป็นที่พอใจ ส่วนปัญหาที่ต้องมีเจ้าหน้าที่ผู้หญิงลำพังคนเดียวนั้น ที่ประชุมเห็นควรให้อาราธนานิมนต์พระคมสัน ให้มาอยู่ประจำที่ศูนย์โอมานอีกรูปหนึ่ง ประกอบกับกิจกรรมที่ศุนย์ฯจัดให้มีขึ้นก็ยังประโยชน์ให้กับสาธุชนได้เป็นอย่างดี  ที่ประชุมจึงไม่ได้มีมติให้ปิดศูนย์แต่อย่างใด อีกทั้งพระอาจารย์ยังได้รับการถวายพัดรองในตำแหน่งเจ้าอาวาสศูนย์ปฏิบัติธรรมโอมานจากมหาเถรสมาคมและรัฐสภาไทย พร้อมนี้ยังได้เสนอชื่อให้พระอาจารย์เป็นพระธรรมทูตถือพาสปอร์ตของทางราชการ ทำหน้าที่เผยแพร่พระพุทธศาสนาไปทั่วโลกในการประชุมครั้งนี้ อีกด้วย




รับพัดรองในตำแหน่งเจ้าอาวาสของศูนย์ในภาคพื้นตะวันออกกลาง


                                แต่มีเหตุการณ์ที่สร้างความสับสนให้เกิดขึ้น เมื่อนายธีรภัทร พิชชาโชติรัตน์ (อู๊ด)เป็นเพียงเจ้าภาพมิได้เป็นเจ้าหน้าที่ในองค์กรของวัดพระธรรมกายแต่อย่างใด ได้เดินทางมาถึงศูนย์ปฏิบัติธรรมโอมานในวันที่ 5 พฤษภาคม 2556 โดยไม่แจ้งให้พระอาจารย์ทราบล่วงหน้า โดยอ้างว่าได้รับคำสั่งจากท่านผอ.ให้มาปิดศูนย์ฯ โดยกล่าวว่าท่านผอ.มีคำสั่งปิดศูนย์แล้วตั้งแต่เดือนมีนาคม แต่พระอาจารย์ก็ไม่ได้ปิดศูนย์ จนตนเองต้องเดินทางมาเพื่อปิดศูนย์และรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ผอ.ทราบ
                        พระอาจารย์ได้ชี้แจงว่ายังไม่เคยได้รับคำสั่งให้ปิดศูนย์ ตอนนี้ต้องรอการพิจารณาจากที่ประชุมก่อน หากทุกฝ่ายพิจารณาเห็นควรปิด ท่านก็พร้อมดำเนินการตามนั้น หลังจากนั้นพระอาจารย์ก็ได้เดินทางไปประชุมภาคพื้นตะวันออกกลางประจำปี 2556 ที่จัดขึ้นที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมบาห์เรนซึ่งผลการประชุมไม่ได้มีมติให้ปิดศูนย์แต่อย่างใด
                            เมื่อที่ประชุมไม่มีมติให้ปิดศูนย์ ทำให้คุณอู๊ดคาดไม่ถึง สิ่งที่ทำได้ก็คือการรายงานการทำงานของตนให้ ผอ.ทราบ จะรายงานไปอย่างไรไม่อาจรู้ได้ เพราะเมื่อพระอาจารย์ต้องกลับประเทศไทยเพื่อทำพาสปอร์ตธรรมทูตของทางราชการ พระอาจารย์ได้แจ้งให้ผู้เขียน(ซึ่งขณะนั้นอยู่บ้านที่กรุงเทพ เพราะวีซ่าหมดเวลา)ทราบว่า ผอ.ขอให้ปิดศูนย์ไปก่อน ดังนั้นก่อนกลับมาที่โอมาน จึงได้กราบเรียนถามพระรณภพถึงแนวทางปฏิบัติเมื่อต้องกลับมาที่ศูนย์ ฯ พร้อมกับได้กราบเรียนท่านว่าสัญญาเช่าบ้านนั้น น้องเล็ก (ชลดา บุญศรีโรจน์) เป็นผู้ทำสัญญาเช่า และสัญญาจะสิ้นสุดในวันที่ 15 สิงหาคม  ส่วนค่าเช่าได้จ่ายล่วงหน้าถึง 15 มิถุนายน เท่านั้น ท่านให้แนวทางว่า ให้เราบอกเลิกเช่าบ้านก่อนหมดสัญญาและขอจ่ายค่าเช่าในเดือนกรกฎาคม เพื่อจะได้มีเวลาสำหรับการขนย้ายสัมภาระ ซึ่งได้รับปากกับท่านที่จะมาต่อรองกับเจ้าของบ้าน ส่วนผลการต่อรองเป็นอย่างไรจะแจ้งให้ท่านทราบโดยตรง สำหรับเรื่องรถที่จดทะเบียนในชื่อของอ้อม(ชาลินี ฟิชเชอร์) ท่านให้ขายและนำเงินมาถวายไว้ทีท่าน ด้วยขณะนี้ ท่านรับผิดชอบดูแลปัจจัยของศูนย์อยู่ ส่วนการขนย้ายสัมภาระที่คุณอู๊ดขออาสาทำเองนั้น  ให้ปล่อยให้เขาทำ เราเพียงแต่คอยดูแลไม่ให้บ้านเช่าต้องเสียหาย ซึ่งในขณะนั้น คุณอู๊ดอยู่ที่ศูนย์เพียงผู้เดียว
                          เมื่อกลับจากประเทศไทยมาถึงศูนย์ฯโอมาน ปรากฏว่าคุณอู๊ดยึดกุญแจบ้าน อ้างว่าตนเป็นผู้ดูแลจัดการเรื่องปิดศูนย์ทั้งหมด ห้ามผู้เขียนเข้าบ้าน แต่อนุญาติให้เข้าไปเก็บสัมภาระเช่นหนังสือ แว่นตา ยา ของพระอาจารย์ได้เท่านั้น  เมื่อกราบเรียนถามพระอาจารย์ว่าควรทำอย่างไรดี  ท่านได้แนะว่า เรื่องที่ลูก ๆ ต้องรับผิดชอบอยู่ โดยเฉพาะเรื่องรถให้รีบถ่ายโอนความรับผิดชอบไป ส่วนเรื่องเงินเขาจะขายรถได้เท่าใด หรือ ใช้จ่ายอย่างไรเป็นเรื่องที่เขาต้องรับผิดชอบเอง เพราะขณะนี้พระอาจารย์ก็ได้โอนความรับผิดชอบเรื่องเงินของศูนย์ให้กับพระรณภพแล้ว
                           เมื่อทราบดังนั้นแล้ว จึงตกลงใจปล่อยให้คุณอู๊ดเขาเป็นผู้จัดการทั้งหมด เรื่องขายรถ อ้อม(ชาลินี ฟิชเชอร์) ก็ได้นัดหมายให้ผู้ซื้อมารับโอนไปได้ในทันที และปรากฏว่าเขาได้นำคุณราม บุุบผาวาสน์ ซึ่งเป็นเจ้าภาพของศูนย์ผู้หนึ่งมารับโอนในฐานะผู้ซื้อ ซึ่งได้โอนสิทธิ์กันไปเรียบร้อยตั้งแต่วันที่ 17มิถุนายน ต่อมาได้ทราบในภายหลังว่า ไม่ได้ซื้อขายกันอย่างแท้จริง เป็นเพียงการโอนไว้เพื่อฝากให้คุณรามขายให้อีกต่อหนึ่งเท่านั้น

โอนรถให้คุณราม บุบผาวาสน์

                       ส่วนเรื่องบ้าน ก็ได้ขอยกเลิกการเช่าก่อนสิ้นสุดสัญญา โดยขอจ่ายค่าเช่าต่ออีก 1 เดือนคือถึงวันที่ 15 กรกฎาคม  ซึ่งสัญญาตามกฏหมายแล้วจะต้องบอกเลิกสัญญาก่อนล่วงหน้า 3 เดือน แต่ได้บอกถึงความจำเป็นขอความเห็นใจกระทั่งเจ้าของบ้านยินยอมตามที่ร้องขอ แต่ขอเพียงเข้าตรวจความเรียบร้อยของบ้านในวันที่ 23 มิถุนายน เมื่อเห็นว่าการตกลงอยู่ในวิสัยจะทำได้จึงได้แจ้งให้คุณอู๊ดทราบว่าเราต้องขนย้ายให้เสร็จก่อนวันที่ 23  และในวันนัดหมายได้แจ้งขอให้คุณอู๊ดส่งคืนกุญแจที่ยึดไว้ เพื่อให้เจ้าของบ้านได้ตรวจความเรียบร้อย ปรากฏว่าคุณอู๊ดไม่ยอมคืนกุญแจและยังได้นำกุญแจกลับไปประเทศไทยในวันนั้นนั่นเอง
                           จะโดยตั้งใจกลั่นแกล้งหรือไม่ก็ตาม การกระทำครั้งนี้ทำให้เจ้าของบ้านไม่สามารถตรวจความเรียบร้อยของบ้านเช่าได้ตามนัดหมาย และเขาก็ไม่เข้าใจว่า เมื่อคุณ(หมายถึงน้องเล็ก)คือผู้เช่าทำไมเข้าบ้านไม่ได้ ทำไมมอบกุญแจสำคัญไว้กับผู้อื่น ทำให้เราต้องหาทางชี้แจงไปต่าง ๆ นาๆ จนเขายอมที่จะมาตรวจอีกครั้งหนึ่งในอีก 1 สัปดาห์ถัดมา ซึ่งหากเราไม่สามารถเคลียให้เรียบร้อยอีก เขาก็ขอให้เป็นไปตามกฏหมายคือต้องจ่ายค่าปรับ 1 เดือน เป็นการกระทำที่ตั้งใจให้เกิดความเดือดร้อนและเสียหาย
                     



                
                                  กิจกรรมงานบุญครั้งสุดท้าย ก่อนที่ศูนย์จะต้องปิดลง สาธุชนได้ร่วมในพิธีมุฑิตาพระอาจารย์ชาญณรงค์ อุตตโม ในโอกาสที่ได้รับการถวายพัดรองในตำแหน่งเจ้าอาวาส และร่วมบุญเนื่องในวันวิสาขบูชา ศรัทธาสาธุชนได้เพิ่มขึ้นอย่างล้นหลาม แต่ศูนย์ต้องปิดลงเพียงเพราะพระอาจารย์ยึดหลักประหยัด อดออม ไม่ยอมให้มีเจ้าหน้าที่มาช่วยงานเพิ่ม เพราะต้องเพิ่มค่าใช้จ่ายอีกมาก ยอมมีเจ้าหน้าที่เพียงคนเดียว และคนเดียวนั้นเป็นป้าต๋อยแก่ ๆ ที่ไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายมากนัก คนเดียวก็ช่วยงานได้ราบรื่นทุกอย่าง เท่านั้นหรือ ที่ต้องอยู่ลำพังกับโยมผู้หญิงบ้างในบางเวลานั้น ก็ไม่ใช่ความผิดของพระอาจารย์ เพราะทุกครั้งที่ประชุมก็ทราบปัญหา พระอาจารย์ก็ขอให้จัดสรรพระภิกษุให้มาประจำที่ศูนย์โอมานอย่างน้อย 2 รูปทุกครั้งที่มีการประชุม  สมณกิจต่าง ๆ พระอาจารย์ท่านก็ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ หาข้อบกพร่องท่านไม่ได้ แล้วยังจะปิด ปิดเพราะอะไร ปิดทำไม ปิดเพื่อใคร ผู้เขียนก็ยังไม่ได้รับคำตอบที่มีเหตุผลเพียงพอเลยจนกระทั่งบัดนี้       
                                 แต่อย่างไรก็ตาม บัดนี้ศูนย์ปฏิบัติธรรมโอมาน หรือวัดของเรา วัดที่เจ้าภาพทั้งหลายให้การสนับสนุนต้องปิดลงแล้ว หมดโอกาสในการสั่งสมบุญของชาวพุทธในโอมาน ผู้เขียนก็หมดโอกาสรับบุญในวัดไทยในโอมานเช่นกัน  แต่ตลอด2ปีกว่าที่ได้สร้างบุญด้วยกัน ณ สถานที่แห่งนี้ ก็จะเป็นบุญที่ตรึกระลึกถึงได้ไปจวบวันตาย ขอกราบขอบพระคุณเจ้าภาพทุกท่านที่เมตตาให้การร่วมมือในการจัดกิจกรรมงานบุญต่าง ๆ มาด้วยดีโดยตลอด กราบอนุโมทนาบุญทุกบุญกับทุกท่านด้วย และหากบทความนี้พาดพิงถึงท่านใดในเรื่องที่คลาดเคลื่อนจากความจริง ขอได้โปรดแจ้งให้ทราบเพื่อแก้ไขให้ผู้อ่านเข้าใจได้ถูกต้องด้วย เพราะที่บันทึกไว้นี้ คือสิ่งที่ได้รู้ ได้เห็นจริงในมุมมองของผู้เขียนเท่านั้น

             




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น