พี่ฝ้าย น้องแก้ว
ป้าต๋อยตั้งใจจะเขียนเรื่องต่าง ๆ ที่ได้พบเห็นในประเทศโอมานให้หลาน ๆ ได้อ่านเพื่อเป็นความเพลิดเพลินและได้ความรู้ไปด้วย เพราะทุกครั้งที่ป้าเห็นอะไรแปลกใหม่ ป้าก็คิดถึง อยากให้หลานได้มาเห็นด้วย ตอนนี้ป้าอยู่ต่างบ้านต่างเมืองที่แตกต่างทั้งภูมิประเทศ ภูมิอากาศ ศาสนาและวัฒนธรรม อาหารการกินการอยู่ เห็นอะไรก็เป็นของแปลกใหม่ สวยงามตื่นตาตื่นใจ อยากจะเล่าไว้ให้ได้อ่านกันใน Bloger หากเห็นว่ามีสาระได้ความรู้จะแจกเพื่อนในมหาลัยได้อ่านและแชร์กันอ่าน ก็ทำได้เลยตามสะดวก หรืออาจจะเก็บไว้พิมพ์เป็นหนังสือแจกในงานเผาศพป้าก็ได้นะ ป้ายกให้เป็นสิทธิ์ของพี่ฝ้ายกับน้องแก้ว
ป้าเดินทางมาประเทศโอมานครั้งแรกเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2553 เพื่อมาอยู่กับพี่อ้อมในช่วงไกล้คลอดEmily และด้วยบุญจัดสรรให้ป้าได้โอกาสรับบุญที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมโอมาน จึงได้เดินทางมาโอมานอีกครั้ง ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2554 พร้อมกับที่พี่เล็กได้มาทำงานที่โอมานแอร์ ซึ่งทำให้ป้าสามารถเดินทางไปกลับไทยโอมานได้บ่อย ๆ ด้วยตั๋วเครื่องบินในราคาพนักงาน
บันทึกฉบับแรกนี้ป้ายกเอาเรื่องการเดินทางโดยโอมานแอร์มาเล่าให้ฟังก่อนแล้วกัน นะคะ
โอมานแอร์เขาเป็นสายการบินประจำชาติของโอมาน แต่ความจริงแล้วเหมือนเป็นของสุลต่านหรือ King ของเขานั่นแหละ เขาบินตรงจากกรุงมัสกัตถึงสุวรรณภูมิทุกวัน ใช้เวลาบิน 5 ชั่วโมงครึ่ง เขาภูมิใจสายการบินของเขานักหนาเพราะได้รับการโหวตยกย่องว่าเป็น " The Best Business class seat in the world" และป้าก็ได้เคยนั่งเคยนอนมาแล้ว ของเขาสุดยอดจริง ๆ ต้องยอมรับ
สนามบินเขาปัจจุบันถ้าเทียบกับบ้านเราแล้วยังเล็กมาก เหมือนท่าอากาศยานขอนแก่นเลย เมื่อเครื่องบินจอดเรียบร้อยจะมีรถมารับผู้โดยสารจากบันใดเครื่องบินนำส่งถึงอาคารตรวจคนเข้าเมือง
นักท่องเที่ยวอย่างป้า ต้องเข้าช่องชำระค่าวีซ่าก่อน ค่าวีซ่า 20 OMR สำหรับ 30 วัน หากอยู่ต่อก็ต้องจ่ายอีก 20 OMR อยู่ต่อได้อีก 1 เดือน แล้งต้องเดินทางออกนอกประเทศเขาก่อน จึงจะกลับเข้ามาอยู่ต่อได้อีกทุก 2 เดือน ป้าก็อยู่ในประเภทที่ต้องเดินทางออกนอกประเทศเขาทุก 2 เดือน โดยจ่ายค่าวีซ่าเดือนละ 20 OMR หรือประมาณ 1.500 บาท และนี่ก็เดินทางไปกลับมาเกือบจะครบ 2 ปีแล้ว พอจะรู้จักคุ้นเคยพอที่จะบอกได้ว่าประเทศเขามีอะไรน่าสนใจ แล้วป้าจะทยอยเล่าให้ฟังเป็นเรื่อง ๆ ไปนะจ๊ะ
ป้าต๋อยตั้งใจจะเขียนเรื่องต่าง ๆ ที่ได้พบเห็นในประเทศโอมานให้หลาน ๆ ได้อ่านเพื่อเป็นความเพลิดเพลินและได้ความรู้ไปด้วย เพราะทุกครั้งที่ป้าเห็นอะไรแปลกใหม่ ป้าก็คิดถึง อยากให้หลานได้มาเห็นด้วย ตอนนี้ป้าอยู่ต่างบ้านต่างเมืองที่แตกต่างทั้งภูมิประเทศ ภูมิอากาศ ศาสนาและวัฒนธรรม อาหารการกินการอยู่ เห็นอะไรก็เป็นของแปลกใหม่ สวยงามตื่นตาตื่นใจ อยากจะเล่าไว้ให้ได้อ่านกันใน Bloger หากเห็นว่ามีสาระได้ความรู้จะแจกเพื่อนในมหาลัยได้อ่านและแชร์กันอ่าน ก็ทำได้เลยตามสะดวก หรืออาจจะเก็บไว้พิมพ์เป็นหนังสือแจกในงานเผาศพป้าก็ได้นะ ป้ายกให้เป็นสิทธิ์ของพี่ฝ้ายกับน้องแก้ว
ป้าเดินทางมาประเทศโอมานครั้งแรกเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2553 เพื่อมาอยู่กับพี่อ้อมในช่วงไกล้คลอดEmily และด้วยบุญจัดสรรให้ป้าได้โอกาสรับบุญที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมโอมาน จึงได้เดินทางมาโอมานอีกครั้ง ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2554 พร้อมกับที่พี่เล็กได้มาทำงานที่โอมานแอร์ ซึ่งทำให้ป้าสามารถเดินทางไปกลับไทยโอมานได้บ่อย ๆ ด้วยตั๋วเครื่องบินในราคาพนักงาน
บันทึกฉบับแรกนี้ป้ายกเอาเรื่องการเดินทางโดยโอมานแอร์มาเล่าให้ฟังก่อนแล้วกัน นะคะ
เครื่องบินของโอมานแอร์ |
โอมานแอร์เขาเป็นสายการบินประจำชาติของโอมาน แต่ความจริงแล้วเหมือนเป็นของสุลต่านหรือ King ของเขานั่นแหละ เขาบินตรงจากกรุงมัสกัตถึงสุวรรณภูมิทุกวัน ใช้เวลาบิน 5 ชั่วโมงครึ่ง เขาภูมิใจสายการบินของเขานักหนาเพราะได้รับการโหวตยกย่องว่าเป็น " The Best Business class seat in the world" และป้าก็ได้เคยนั่งเคยนอนมาแล้ว ของเขาสุดยอดจริง ๆ ต้องยอมรับ
Emily นอนหลับสบายใน The Best Business class seat in the World |
ทัศนียภาพเมือง Muscat ก่อนถึงสนามบิน |
สนามบินเขาปัจจุบันถ้าเทียบกับบ้านเราแล้วยังเล็กมาก เหมือนท่าอากาศยานขอนแก่นเลย เมื่อเครื่องบินจอดเรียบร้อยจะมีรถมารับผู้โดยสารจากบันใดเครื่องบินนำส่งถึงอาคารตรวจคนเข้าเมือง
คุณยายเม้าที่เค้าเตอร์เช็คอินที่ไร้ผู้คนช่วงเวลา 04.00 น. |
นักท่องเที่ยวอย่างป้า ต้องเข้าช่องชำระค่าวีซ่าก่อน ค่าวีซ่า 20 OMR สำหรับ 30 วัน หากอยู่ต่อก็ต้องจ่ายอีก 20 OMR อยู่ต่อได้อีก 1 เดือน แล้งต้องเดินทางออกนอกประเทศเขาก่อน จึงจะกลับเข้ามาอยู่ต่อได้อีกทุก 2 เดือน ป้าก็อยู่ในประเภทที่ต้องเดินทางออกนอกประเทศเขาทุก 2 เดือน โดยจ่ายค่าวีซ่าเดือนละ 20 OMR หรือประมาณ 1.500 บาท และนี่ก็เดินทางไปกลับมาเกือบจะครบ 2 ปีแล้ว พอจะรู้จักคุ้นเคยพอที่จะบอกได้ว่าประเทศเขามีอะไรน่าสนใจ แล้วป้าจะทยอยเล่าให้ฟังเป็นเรื่อง ๆ ไปนะจ๊ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น