วันอาทิตย์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ปลาโลมาในอ่าวโอมาน Dolphins watching in Muscat

 
         พี่ฝ้าย น้องแก้ว
            เมื่อนักท่องเที่ยวเดินทางมาถึงโอมาน โรงแรมจะนำเสนอรายการท่องเที่ยวที่น่าสนใจ อันดับแรกๆ น่าจะเป็นการนั่งเรือออกไปชมฝูงปลาโลมาในทะเลไกล้ ๆ กับกรุงมัสกัต  ซึ่งใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมง สำหรับการนั่งเรือออกไปชมปลาโลมา และชมเกาะแก่งในอ่าวโดยรอบแล้วกลับ  ถ้าต้องการดำน้ำชมปะการังด้วยก็จะใช้เวลามากขึ้น โปรแกรมชมปลาโลมานี้ มีให้ชมได้ตลอดปี
ท่าเรือ Siddab ถนน Qurum hight
            การไปดูปลาโลมาของป้า ใช้วิธีขับรถตามถนน Qurum hight ไปที่ท่าจอดเรือที่ Siddab แล้วเหมาเรือออกไป เฉลี่ยค่าใช้จ่ายคนละ 20 รีล เรือ Speed boad ของเขาทันสมัยมาก มีหลากหลายขนาดให้เลือก เมื่อเรือออกนอกฝั่งไปเล็กน้อย เจ้าของเรือเขาอนุญาตให้เราได้ขับเรือเองด้วย ป้าคิดว่าหน้าหนาวจะเหมาะกับการออกทะเล เพราะจะได้ชมปลาโลมาและชมวิวแบบไม่ร้อนและทะเลกำลังสวย  ถ้าเป็นช่วงปีใหม่ละก็ อากาศกำลังดีที่สุด

เรือนำนักท่องเที่ยวชมปลาโลมาและท้องทะเลโอมาน
       
ก่อนไป ป้าคิดว่าถ้าโชคดีก็น่าจะเห็นปลาโลมาสัก 4-5 ตัวก็ดีแล้ว แต่พอไปเข้าจริง ๆ  ได้เจอปลาโลมาเป็นฝูง ฝูงเป็นร้อย ๆ ตัว เจ้าของเรือเขามีเครื่องตรวจจับว่าฝูงโลมาอยู่ที่ไหน เขาก็ไปตามพิกัดนั้น ไม่ได้ขับเรือไปกลางทะเลแบบสุ่มสี่สุ่มห้าอย่างที่ป้าคิด พอเรือลำไหนเจอฝูงปลา เขาก็จะวิทยุบอกเรือท่องเที่ยวด้วยกัน สักพักก็จะมีเรือมาสมทบชมปลาโลมาเพิ่มขึ้น รายการนี้ป้าตื่นเต้นมาก เพราะนอกจากจะได้ขับเรือออกทะเลด้วยตนเองแล้ว ยังได้ชมโฉมปลาโลมาที่ว่ายมาให้เห็นไกล้ ๆ เรือ                                                        
ปลาโลมาเขาน่ารักนะ หน้ายิ้มตลอดเวลา ว่ายหยอกล้อกันในฝูงน่าเอ็นดู คนที่ไปดูต่างก็มีหน้าตายิ้มแย้มไปตาม ๆ กัน ชมปลาโลมากันจนอิ่มใจแล้วยังได้ไปชมบริเวณที่เป็นจุดชมปะการังด้วย ทะเลของเขาสวยจริง ๆ น้ำใสสีเขียวมรกต เสียดายที่ลง Snogle กับเขาไม่ได้ เพราะคณะที่ไปมีพระอาจารย์ไปด้วย จึงได้แต่ขับเรือวนเวียนไปชมตามเกาะแก่งต่าง ๆ ในอ่าว ซึ่งสวยงามแปลกตาเพราะภูเขาริมทะเลที่นี่เป็นเขาหินมีลวดลายและสีสันแตกต่างกันไป

จุดจอดเรือดำน้ำชมปะการัง
       ต้องชื่นชมกับอุดมการณ์อนุรักษ์ธรรมชาติของคนโอมานเขาจริง ๆ เพราะก่อนที่ประเทศเขาจะร่ำรวยด้วยก๊าซธรรมชาติและน้ำมันนั้น เขาก็เป็นประเทศชาวประมง และการประมงของเขาเป็นการประมงชายฝั่ง แต่เขาก็ไม่มีการใช้อวนลาก อวนรุนในการประมงน้ำตื้นนี้ ทำให้ปะการังชายฝั่งของเขาไม่โดนทำลาย สัตว์ทะเลของเขาจึงยังคงอุดมสมบูรณ์และสวยงาม ที่สำคัญเขาไม่ล่าและไม่ทำร้ายปลาโลมา เพราะเขาถือว่าปลาโลมาเป็นเพื่อน ที่ไหนมีฝูงโลมาแสดงว่าที่นั่นมีฝูงปลาทูนาด้วย  ชาวประมงกับปลาโลมาจับมือเป็นเพื่อนกันจับปลาทูนาเป็นอาหารของตน ไม่เบียดเบียนกัน


        ด้วยเหตุนี้ ฝูงปลาโลมาเป็นร้อย ๆ ตัว จึงวนเวียนอยู่ไกล้ฝั่งทะเลกรุงมัสกัต คอยต้อนรับนักท่องเที่ยวอยู่ตลอดทั้งปี ไม่หนีไปไหน
ฝูงปลาโลมาไกล้ฝั่งมัสกัต

      

วันเสาร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

Beach of Muscat ทะเลสวย หาดบริสุทธิ์ ของมัสกัต

 
ปุยฝ้าย น้องแก้ว

                         โคราชบ้านเราอยู่ไกลทะเลเนอะ เวลามีโปรแกรมไปเที่ยวทะเลนี่เราจะชอบที่สุดเลย ขนาดต้องขับรถไป 4 -5 ชั่วโมงก็ไม่ท้อ (ใช่ซิ ลูกไม่ได้ขับรถนี่ ป้าขับคนเดียว หลาน ๆ ก็นอนกันไป หิวหรืออยากเข้าห้องน้ำก็ตื่นมาทำงัวเงียๆ  ขอให้จอดรถ  ใช่ไหมละคะ) พอป้ามาอยู่โอมาน   ทะเลอยู่ไกล้ มาก ขับรถ 5 นาทีก็ถึง แรก ๆ ที่มาอยู่ ป้าก็ขับรถสำรวจไปทุกหาดเลย ป้าก็ชอบทุกหาดด้วยเหมือนกัน ชอบที่ชายหาดเขายังเป็นชายหาดที่บริสุทธิ์ ยังไม่โดนรุกรานด้วยร้านอาหาร ด้วยร่มกันแดด ด้วยเก้าอี้ชายหาด ด้วยรีสอร์ท บ้านพักตากอากาส เหมือนชายหาดที่มีชื่อเสียงของไทยเรา

                           ชายฝั่งทะเลของโอมานเหนือสุดอยู่ที่แหลมเฮอร์มุต ซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศและทอดยาวตลอดตอนเหนือของประเทศมาจนถึงมัสกัตและไปจนถึงเมืองท่าที่สำคัญของเขาที่ชื่อ Sur (อ่านว่า ซูร์) ทะเลช่วงนี้เป็นทะเลในอ่าวโอมาน ( Gulf Of Oman) ชายฝั่งทะเลจาก Sur เรื่อยลงไปทางใต้จนถึง Salalah จึงเป็นชายฝั่งของทะเลอาราเบียนที่อุดมไปด้วยสัตว์ทะเลดึกดำบรรพ์ เช่น เต่ายักษ์ ปลาวาฬ ปลาโลมา  ชายฝั่งทะเลอันอุดมสมบูรณ์จากเหนือจรดใต้ ยาวเกือบ 2000 กิโลเมตร ป้าไปที่ไหนมาบ้างจะเก็บมาเล่าวันหลังนะ วันนี้เราไปชมชายหาดไกล้ ๆ ในเมืองมัสกัตก่อนนะคะ

ตลาดปลายามเช้าริมทะเล Al Seeb
                         Al Seeb beach    คือหาดทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือที่ป้าไปดูครั้งแรก ๆ เลย ชายฝั่งทะเลที่เมืองนี้เป็นเมืองชาวประมงมาแต่ดั้งเดิม ตอนเช้าตรู่ชาวประมงจะนำเรือจับปลาเทียบท่าที่นี่ ใครต้องการซ้ือปลาสด ๆ จากทะเลก็จะมาคอยเรือประมงที่นี่ ทำให้มีตลาดปลาเกิดขึ้นโดยปริยาย ปลาที่ป้ารู้จักและจำชื่อได้ น่าจะเป็นปลาทูนาตัวใหญ่มาก ปลาเก๋า(หน้าเหมือนแขก) ปลาซาดีน ปลาเข็ม มีกุ้งทะเลบ้างเหมือนกัน ปลากุ้งที่นี่รสชาดไม่เหมือนปลาเมืองไทย เราเลยโมเมเหมารวมว่าของเขาไม่อร่อย สู้อาหารทะเลบ้านเราไม่ได้ ของเราหวานอร่อยกว่ามาก


ชายทะเล The wave
                         The Wave เป็นชายฝั่งที่เกิดจากการเอาดินมาถมทะเลให้เป็นพื้นที่สำหรับสร้างธุรกิจการค้าและหมู่บ้านที่พักอาศัยสำหรับชาวต่างชาติ ซึ่งพื้นที่ที่เกิดจากการถมทะเลออกไปนี้ เขาถือว่าไม่ใช่แผ่นดินที่พระเจ้าประทานมาเพื่อประชาชนของเขา เขาสามารถขายให้ชาวต่างชาติได้ ใครอยากมีบ้านส่วนตัวซักหลังไว้ตากอากาศที่เมืองมัสกัต ก็ต้องมาซื้อบ้านที่โครงการ The Wave นี่แหละ ราคาบ้านเดี่ยวเริ่มต้นที่ 300,000 รีล เอา 80 คูณเข้าไปเป็นเงินบาท  หากเป็นผืนแผ่นดินใหญ่แต่ดั้งเดิมนั้น เป็นแผ่นดินประทานมาจากพระเจ้า เขาไม่ขายให้ชาวต่างชาติเขาจะเก็บเอาไว้ให้เฉพาะคนของเขาเท่านั้น ป้าอยากให้คนไทยได้คิดแบบนี้ด้วยจังเลยว่า ผืนแผ่นดินไทย เราจะไม่ขายให้คนต่างชาติ จะเก็บไว้ให้คนไทยเท่านั้น ตอนนี้น่าเสียดายที่ผืนแผ่นดินไทย ต้องตกเป็นกรรมสิทธื์ของชาวต่างชาติไปมากแล้ว เราน่าจะตื่นขึ้นมาสำนึกรักแผ่นดินไทย ทำอย่างไรกรรมสิทธิ์ของแผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ที่บรรพบุรุษเราต่อสู้รักษาไว้ด้วยเลือดเนื้อและชีวิต จะไม่ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของคนต่างชาติที่เอาเพียงเศษเงินของเขามากว้านซื้อไป

อาคารที่เห็นลิบ ๆ คืออสังหาริมทรัพย์ The Wave ที่มีไว้ขายให้ชาวต่างชาติ

 

Athaibah Beach หาดนี้อยู่ไกล้บ้านพี่อ้อมมาก แวะจากถนน 18 November ไปนิดเดียวก็ถึงแล้ว ชายหาดนี้มีต้นมะพร้าวปลูกเรียงรายได้บรรยากาศชายทะเล คนเมืองจะมาสูดลมทะเลกันในเวลาค่ำ ๆ ที่อากาศคลายร้อนลงบ้างแล้ว ที่นี่มีลานจ๊อกกิ้ง ลานบาบีคิวที่น่าสนใจ คือ อาหารทะเลที่จะย่างนั้นไม่ต้องซื้อหามาจากตลาด มานั่งคอยเรือประมงซึ่งเป็นเรือเล็กซึ่งออกประมงไกล้ ๆ บริเวณนั้น และจะเข้าฝั่งประมาณ 2-3 ทุ่ม เมื่อเรือประมงเข้าฝั่งก็ไปดูว่าได้อาหารทะเลอะไรมาบ้าง ที่มีประจำก็ปลาหมึกนั่นแหละ เอามาย่างกันควันโขมง ถ้าเป็นบ้านเรา อาหารการกินคงมีมาขายกันอย่างมากมาย


Qurum Beach
 
 Qurum Beach  หาดนี้อยู่ในพื้นที่ทำงานสถานทูตของประเทศต่าง ๆ และที่อยู่อาศัยของชาวต่างชาติ บริเวณชายหาดจึงมีโรงแรมหรู ๆ หลายแห่ง มี ภัตตาคารร้านค้า มีพลาซ่า บริการเหมือนหาดทั่วโลกบ้าง ถ้ามาเดินเล่นตอนเย็น ๆ ก็จะเห็นวัยรุ่นมาเตะฟุตบอลที่ชายหาดกันหนาตา
 
       Shetti Beach  หาดนี้เป็นหน้าเป็นตาของกรุงมัสกัต มีถนนสวยเลียบชายหาดชาวบ้านเรียกถนนนี้ว่า Love Road ระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร สร้างหลังจากเกิดซึนามิคราวเดียวกันกับที่ภูเก็ตบ้านเรา เขาจะโฆษณาหาดนี้เป็นจุดชมวิวและพักถ่ายรูปสำหรับนักท่องเที่ยวที่นั่งรถชมเมืองแบบ Side Seeing ด้วย


ริมฝั่งทะเลที่สวยงามและสำคัญที่สุดของกรุงมัสกัตน่าจะเป็นที่ Mutrah ซึ่งเป็นเมืองท่าเก่าแก่ เมืองค้าขายที่สำคัญของโลกอาหรับมาแต่โบราณ นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสความขลังของอาหรับได้ที่ Muttrah Souq ที่ยังคงรักษาบรรยากาศอารยธรรมอาราเบียนไว้อย่างเต็มที่ ริมทะเลที่นี่ไม่มีชายหาด เพราะเป็นท่าเรือน้ำลึกสำหรับเป็นที่จอดเทียบท่าของเรือพระที่นั่งสุลต่านกาบูส์ ถนนเลียบชายฝั่งสวยด้วยไม้ดอกประดับ เสาไฟแสงสว่างสวยงาม ใครก็ตามที่มาไม่ถึงที่นี่ ชื่อว่ายังไม่ได้มาโอมาน 
Muttrah Corniche
ท่าเรือน้ำลึก Sultan Qaboos Port

Muttrah Souq
Al Buston Beach เป็นหาดส่วนตัวของโรงแรม Al Buston Intercontinenton โรงแรมนี้เป็นสมบัติส่วนตัวของสุลต่านท่านใช้สำหรับต้อนรับแขก VIP ในการประชุม OPEC ผู้ที่จะเข้าไปอาบแดดที่ชายหาดนี้ต้องเป็นลูกค้าของโรงแรมเท่านั้น ชาวบ้านก็ชมความงามได้ในระยะไกล ๆ และหาดส่วนบุคคลที่อยู่ในเขตโรงแรมห้าดาวจะพัฒนาได้สวยงามไม่แพ้เมืองท่องเที่ยวอื่น ๆ ทั่วโลก
Al Buston Beach

ทะเลหน้าโรงแรม Al Buston
สระน้ำจืดตกแต่งโดยรอบโรงแรม Al Buston
Quntab Beach เป็นทะเลอยู่ในหมู่บ้านชาวประมง ใครที่สนใจจะไปเที่ยวเกาะเล็ก เกาะน้อย ในอ่าวที่สวยงาม รวมทั้งการไปชมปะการัง สามารถมาเช่าเรือของชาวประมงที่นี่ออกไปราคาจะถูกกว่าไปเช่าเรือตามรายการท่องเที่ยวที่โฆษณาในโบชัวร์ตามโรงแรมต่าง ๆ อีก
ลูกชายชาวประมงใน Qantab
 
 Yiti Beach  น่าจะเป็นปากแม่น้ำมากกว่า เพราะมีร่องรอยของธารน้ำ(Wadi)ขนาดใหญ่ในอดีตที่แขกเขาเรียกว่า Wadi Al Yiti ไหลลงสู่ทะเล ร่องน้ำกว้างขนาบด้วยภูเขาหินสวยแปลกตา ส่วนที่น้ำทะเลขึ้นถึงยังแลดูเป็นแม่น้ำอยู่บ้าง ตอนที่ป้ามาดูนั้น เขากำลังถมดินลงไปในทะเลเพื่อพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวและที่พักตากอากาศ และน่าจะขายให้ชาวต่างชาติได้ เพราะแผ่นดินเกิดจากการถมทะเล

Yiti Al Wadi
ทะเลปากแม่น้ำ Yiti ในยามเย็น
 As Sifah Beach    เป็นหาดทางใต้สุดของกรุงมัสกัตที่ป้าสามารถขับรถไปชมได้  อยู่ห่างจากบ้านพักประมาณ 50 กิโลเมตร เส้นทางผ่านภูเขาสลับซับซ้อนสวยงาม หาดทรายโค้งสวยมาก บริสุทธิ์ผุดผ่อง มองเห็นหมู่บ้านชาวประมงอยู่ลิบ ๆ ทรายสวยสะอาดแต่ไม่มีผู้คน แต่หาดของเขามีแต่หาดทรายชายทะเล ไม่มีอะไรเลย หาดทั้งหาดมีร้านอาหารเพียงร้านเดียว เปิดขาย Sea Foods สไตล์อาหรับ อาหารทะเลที่มีให้เลือกคือ  ปลาที่เรือประมงจับได้ในวันนั้น( Catch of a day ) กุ้ง หมึก กุ้งมังกร เมนูคือ ย่าง หรือ ทอด ไม่มีอย่างอื่นให้เลือกสั่งได้ตามใจชอบแบบบ้านเรา ราคาแพงแบบเศรษฐีกินข้าวนอกบ้าน และหาดสวยแห่งนี้กำลังจะกลายเป็นหาดสวยส่วนบุคคลของโรงแรมห้าดาวที่กำลังก่อสร้างไปแล้ว


                   ป้าเคยสงสัยหนักหนาว่า หาดทรายชายทะเลของโอมานก็สวยงามมาก อยู่ไม่ไกลจากชุมชน แต่ทำไมคนโอมานแทบทั้งนั้น อยากไปเที่ยวชายทะเลเมืองไทย ทั้งภูเก็ต ทั้งพัทยา ก็ได้รับคำตอบว่าเขาอยากเที่ยวชายทะเลที่มีบริการครบวงจร ทั้งสุรา นารี อาหารการกิน แหล่งชอปปิ้ง แบบบ้านเรา ป้าจึงถึงบางอ้อว่า หาดที่มีเก้าอี้ มีร่มหลากสี มีห่วงยางให้เช่า มีห้องอาบน้ำจืด มีเรือ มีบาร์เบียร์ มีสาวเชียร์เบียร์ ฯลฯ เหล่านี้ได้กลายเป็นเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากกว่า  "ทะเลสวย หาดบริสุทธิ์ " แบบที่มีในโอมานซะอีก

ชายหาด As Sifah
 

ป้าชอบทะเลสวย หาดบริสุทธิ์ของมัสกัตเขานะ
ทะเลไทย ระยอง
 
พี่ฝ้ายกะน้องแก้วหละ  ชอบแบบไหน??????

วันอังคารที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

Sultan Qaboos Grand Mosque


  
 น้องฝ้าย น้องแก้ว

               วันนี้ป้าพามาชม Sultan Qaboos Grand Mosque นะจ๊ะ นักท่องเที่ยวที่มาโอมานแทบทุกคนต้องแวะชมที่นี่ เพราะเป็นศิลปที่ปราณีตบรรจงสร้างไว้ให้เป็นที่ภาคภูมิใจของคนในบ้านเขา ป้าเองก็เหมือนกัน เวลามีพระอาคันตุกะมาจากไทย หรือคนไทยแวะมาเยี่ยมที่โอมาน ป้าก็จะพามาที่นี่แทบทุกคน ถ้าฝ้ายกับแก้วมาโอมาน ป้าก็ต้องพามาที่นี่เหมือนกัน



                        Grand Mosque ที่ กรุง Muscat Oman เป็นสถานที่อีกแห่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวต้องไปแวะชม เขาเปิดให้เข้าชมได้ตั้งแต่เวลา 8 นาฬิกา จนถึงเวลา 11 นาฬิกา โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย  แต่ต้องแต่งกายตามที่เขากำหนด คือ ผู้หญิงต้องนุ่งกระโปรงหรือกางเกงขายาว ใส่เสื้อแขนยาว มีผ้าคลุมผม ผู้ชายก็ต้องนุ่งขายาวใส่เสื้อเรียบร้อย สำหรับพระหรือนักบวชอื่น ๆ ใส่ชุดนักบวชเข้าชมได้
                      Grand Mosque เป็นของขวัญที่ Sultan Qaboos สร้างบนพื้นที่ทั้งหมด 40.000 ตารางเมตรเพื่อมอบเป็นของขวัญให้กับประชาชนชาวโอมาน ใช้เวลาสร้างนานถึง 6 ปี ใช้ช่างฝีมือแกะสลักหินอ่อนประดับประดาบนพื้นที่ 16.000 ตารางเมตร ตัวโดมที่โดดเด่นสวยงามนั้นสูง 50 เมตร
 
 

วันจันทร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

มัสกัต Muscat Oman

 
 
 
พี่ฝ้าย น้องแก้ว
 

                 เมืองแรกของโอมานที่ป้าจะเล่าไว้ในบันทึกนี้ คือเมืองมัสกัต(Muscat Saltanate of Oman) เป็นเมืองหลวงของโอมาน ในความเห็นของป้าแล้วมัสกัตเป็นเมืองที่สวยงาม สะอาด เป็นระเบียบ เห็นได้ชัดจากไม่มีสายไฟฟ้าพาดผ่านถนนให้ระเกะระกะ ไม่มีป้ายโฆษณาตั้งหน้าร้านเต็มแบบบ้านเรา จากสนามบินออกมาจะเจอถนนสายหลักของเมือง เป็นถนนที่สุลต่านเขาสร้างเพื่อมอบเป็นของขวัญให้กับประชาชนของเขา ชื่อถนนก็ใช้ชื่อสุลต่าน เรียกว่า Sultan Qaboos street สองข้างทางเขียวขจีด้วยต้นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่อายุราว ๆ 30 ปี ดอกไม้หลากสีปลูกอย่างปราณีตบรรจงตลอดเส้นทาง เสาไฟโคมไฟส่องถนนเป็นศิลปแบบวิคตอเรีย สวยเลิศล้ำกว่าถนนอักษะบ้านเราอีกนะ ขับรถชมวิวข้างถนนสายนี้จะไม่มีวันเชื่อเลยว่านี่คือเมืองทะเลทรายในตะวันออกกลาง ดังนั้นถนนสายนี้จึงเป็นเส้นทางหลักที่ผู้มาเยี่ยมโอมานควรจะนั่งรถชมถนน ชมเมือง  ระยะทางประมาณ 50 กิโลเมตร ดอกไม้ต้นไม้สวยตลอด
ถนนสะอาดกว้างขวางและมีไม้ดอกไม้ประดับสวยงาม ถ่ายรูปนี้ไว้เพราะเห็นมีมอเตอร์ไซค์ ซึ่งปกติหายากมาก 




ไม่มีปัญหาจราจรนะว่าไหม ถนนโล่ง ยิ่งกลางคืนไฟถนนสว่างจนป้าลืมเปิดไฟหน้าวิ่งบ่อย ๆ
                     สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ๆ ของโอมานหลายแห่งด้วย เช่น ผ่าน Sultan Qaboos Grand Mosque


 ผ่าน QurumPark ผ่านท่าเรือมัสกัต ผ่าน Grand Palace ผ่านหมู่บ้านชาวประมงและท่าเรือที่เจริญรุ่งเรืองมากว่า 1000 ปี สำหรับจุดที่น่าสนใจของนักทอ่งเที่ยวทั้งหลายนี้ ป้าจะเก็บไว้เล่าให้ฟังพอสนุก ๆ กันอีกที
Al Buston roundabout วงเวียนนี้มีเรือซินแบดตั้งโชว์ไว้ ปลูกดอกไม้สวยสดชื่นตลอดปี
 

            ภูมิประเทศของมัสกัตสวยแปลกแตกต่างจากเมืองไทย เป็นเสน่ห์ทำให้ป้าชอบที่สุดคือ บ้านเรือนผู้คนปลูกเรียงรายไปตาม Wadi คือร่องน้ำในอดีต เป็นร่องน่ำที่ไหลจากภูเขาลงสู่ทะเล  เมืองเขาตั้งอยู่ระหว่างภูเขาและทะเล ตรงตามฮวงจุ้ยที่ว่า " หลังพิงเขา เงาพาดน้ำ"  หากอยากเที่ยวทะเลขับรถไปไม่เกิน 5 นาที อยากเที่ยวภูเขา ขับรถก็ไม่เกิน 5 นาทีเหมือนกัน อยู่บนภูเขาก็เห็นทะเล เที่ยวทะเลก็เห็นภูเขา มีถนนสวยสายหนึ่งเลียบทะเลชื่อว่า Shatti street แต่ชาวบ้านเรียกถนนนี้ว่า Love Road เพราะดูแมนติกดี หากเป็นบ้านเราหนุ่มสาวคงควงคู่กันเดินชายหาด ที่นี่เขาทำอย่างนั้นไม่ได้ ป้าชอบนิมนต์พระอาจารย์ที่มาเยี่ยมโอมานมาฉันปานะที่ร้านกาแฟบนถนนนี้แหละ
ถนนเลียบชายหาด Shetti Street
 

บ้านเขาจะเป็นตึกสี่เหลี่ยมตัน ๆ ไม่มีหลังคา และจะวางแทงค์น้ำหน้าตาเหมือนกันไว้บนดาดฟ้า สีโทนเดียวกัน คือสี eirth tone มองแล้วสวยงามมีเสน่ห์ไปอีกแบบนึง
หมู่บ้านที่ป้าอยู่มองจากเนินเขาหลังหมู่บ้าน ส่ิงก่อสร้างสไตล์อาหรับสมัยใหม่
 
    ไม่น่าเชื่อว่า เขาเริ่มสร้างเมืองให้ทันสมัยมาเมื่อ 40 กว่าปีมานี้เอง จากเมืองที่ล้าหลังทุกด้าน กลายมาเป็นแนวหน้าของความเจริญ พัฒนาการศึกษาของประชาชน ให้สิทธิเสรีภาพแก่สตรีมากกว่าประเทศใด ๆ ในอาหรับ การสาธาณสุขให้บริการทั่วถึงแก่ประชาชน  สาธารณูปโภคบริการอย่างครบครันทั้งน้ำ ทั้งไฟ ถนนหนทางในหมู่บ้าน ไฟฟ้าแสงสว่างทางหลวง แสงสว่างในหมู่บ้าน ทำให้เมืองเขาสว่างไสวตลอดทั้งคืน เปิดหูเปิดตาประชาชนให้เข้าถึงสื่อต่างชาติโดยไม่ปิดกั้น แม้เขาจะยังปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชสมบูรณ์แบบ แต่ประชาชนได้รับการดูแลและบริการย่ิงกว่าประเทศประชาธิปไตยแบบของเรา แถมยังไม่มีกฏหมายหมิ่นเบื้องสูงไว้คอยลงโทษผู้ที่เห็นต่างด้วย ป้าเลยชอบเมืองนี้ไงจ๊ะ